เป็นคำถามที่ถกเถียงกันไม่น้อย ว่ารถยนต์สมัยนี้ยังจำเป็นต้อง Run In อยู่หรือไม่ โดยฝ่ายที่สนับสนุนให้ Run In ก็ให้เหตุผลว่าต้องทำเพราะเครื่องยนต์ยังใหม่ ระบบต่างๆยังไม่เข้าที่ จึงต้อง Run In เพื่อถนอมชิ้นส่วนต่างๆในเครื่องยนต์ ส่วนฝ่ายที่เสนอว่าไม่จำเป็นต้อง Run In เนื่องด้วยเทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบันที่ทันสมัยขึ้น การประกอบรถยนต์มีความแม่นยำเที่ยงตรงขึ้น รวมไปถึงโรงงานมีการทดสอบมาก่อนแล้ว

ซึ่งยังมีจุดที่เข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่เพราะการทดสอบที่โรงงานรถยนต์นั้นเป็นการ Break In ไม่ใช่ Run In โดยการ Break In ก็คือการ start เครื่องยนต์ในครั้งแรกจะมีการเสียดสีของชิ้นส่วนต่างๆค่อนข้างมากเพื่อให้เกิดการสึกหรอในระดับที่ชิ้นส่วนต่างๆขบกันอย่างเข้าที่ เข้าที่แบบที่น้ำมันเครื่องจะเข้าไปแทรกได้และทำงานได้อย่างเหมาะสม โดยการ Break In นี้จะกระทำที่โรงงานและทำการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่มีเศษโลหะต่างๆออกมา ก่อนจะทำการส่งมอบรถออกจำหน่ายต่อไป โดยยังไม่ใช่การ Run In แต่อย่างใด

ส่วนการ Run In นั้นมีหลักการว่าภายใน 1000 กิโลเมตรไม่ควรทำสิ่งต่อไปนี้

– ไม่ควรออกตัวอย่างรุนแรง
– ไม่ควรเหยียบคันเร่งค้างที่ความเร็วใดความเร็วหนึ่งนานๆ
– ไม่ควรเร่งรอบเครื่องถึงรอบสูงสุด
– ไม่ควรใช้ความเร็วสูง และไม่ควรเบรกกะทันหัน

โดยจะพบว่าหลักการของการ Run In นั้นก็เป็นสิ่งที่การขับรถปกตินั้นก็ไม่ควรทำอยู่แล้ว เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ปลอดภัย และถึงแม้เครื่องยนต์จะได้รับการ Break In มาจากโรงงานแล้ว แต่ระบบต่างๆทั้งช่วงล่าง ยาง ผ้าเบรก นั้นยังไม่ได้รับการ Run In ดังนั้น ถ้าคุณขับรถด้วยความระมัดระวังตามหลักการข้างต้น นอกจากจะเป็นการถนอมเครื่องยนต์แล้ว สำหรับรถคันใหม่ยังเป็นการสร้างความคุ้นเคยกับรถ ให้คุณได้รู้จักรถ ให้รถได้รู้จักคุณอีกด้วยครับ

ที่มา: https://topspeedtraining.wordpress.c...2/08/run-in-2/