รวบรวมสาระความรู้ดี ๆ เมื่อต้องขับรถลุยน้ำ ควรทำอย่างไรไม่ให้รถดับ? เรามีคำตอบมาฝากกัน

เมื่อฝนตกหนัก หลายพื้นที่ก็มักจะเกิดน้ำท่วม (เพราะระบายน้ำออกไม่ทัน) หลายคนจึงจำเป็นต้องขับรถฝ่าน้ำท่วมไป ซึ่งรถยนต์ก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อลุยน้ำอยู่แล้ว หากขับไม่ระวังก็อาจเกิดอันตรายหรือรถดับกลางทางได้ แล้วทำอย่างไรจึงจะขับรถลุยน้ำได้อย่างปลอดภัย และรถไม่ดับกลางทาง เรามีคำตอบมาฝากกัน

Name:  10-d583-8743.jpg
Views: 244
Size:  86.2 KB

หากเป็นน้ำท่วมไม่สูงมาก แบบไม่เกินข้อเท้าหรือไม่เกินครึ่งล้อ ก็ยังพอขับผ่านไปได้ แต่ต้องค่อย ๆ ขับ และระวังหลุมบ่อหรือท่อน้ำที่ไม่มีฝาปิดไว้ด้วยนะ ทว่า ถ้าเจอน้ำท่วมสูงตั้งแต่ 30 เซนติเมตรขึ้นไป (เลยฟุตบาท) แล้วหลีกเลี่ยงเส้นทางนั้นไม่ได้ ก็สามารถทำได้ดังนี้

ปิดแอร์รถยนต์

หากต้องขับรถลุยน้ำท่วม ผู้ใช้รถควรปิดแอร์รถยนต์เสียก่อน เพราะพัดลมแอร์จะพัดน้ำเข้าสู่ห้องเครื่อง ซึ่งจะทำให้รถดับกลางทางนั่นเอง

ขับรถด้วยความเร็วต่ำ

เมื่อต้องขับรถลุยน้ำ ควรขับด้วยความเร็วต่ำ โดยใช้ความเร็วคงที่ รักษารอบเครื่องยนต์ไว้ประมาณ 1,500 - 2,000 รอบต่อนาที หากเป็นเกียร์ธรรมดาควรใช้เกียร์ 2 แต่ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติ ควรใช้เกียร์ L

เลี้ยงคลัตซ์ไว้ (สำหรับรถเกียร์ธรรมดา)

ขณะขับรถลุยน้ำ ต้องเลี้ยงคลัตซ์ไว้และเร่งเครื่องยนต์ให้เดินสูงกว่าปกติ ซึ่งวิธีการนี้นอกจากจะทำให้เครื่องยนต์ไม่ดับแล้ว ยังทำให้เครื่องยนต์ไม่เร่งไปตามการเร่ง และน้ำก็จะไม่ไหลบ่าเข้าไปในห้องเครื่องอีกด้วย

เมื่อขับรถสวนทางกับรถอีกคัน ควรลดความเร็วลง

เมื่อขับรถสวนทางกับรถอีกคัน ควรลดความเร็วลง เพราะหากขับเร็ว คลื่นทั้งจากรถของเราและรถคันอื่นจะชนกัน และทำให้เกิดระดับน้ำสูงกว่าเดิม จนอาจเข้าเครื่องยนต์ได้

รักษาระยะห่างจากรถคันหน้า

ระหว่างที่ขับรถลุยน้ำ ควรรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า เพราะตอนแช่น้ำ ระบบเบรกรถของคุณจะมีประสิทธิภาพลดลง ทำให้เบรกไม่ค่อยอยู่ หลังจากขับลุยน้ำไปแล้ว ควรขับให้ช้าลง และเหยียบเบรกเป็นช่วง ๆ เพื่อไล่น้ำออกจากผ้าเบรก

อย่าเพิ่งดับเครื่อง เมื่อขับรถถึงที่หมายแล้ว

กรณีที่พ้นน้ำท่วมปุ๊บถึงที่หมายปั๊บ ไม่ควรดับเครื่องยนต์ในทันที เพราะน้ำที่ค้างอยู่ในเครื่องยนต์ จะทำให้ห้องเครื่องเกิดความชื้นได้ และอาจมีน้ำไหลย้อนเข้าสู่ท่อได้

ทั้งนี้ หากรถดับกลางน้ำท่วม ไม่ควรสตาร์ทใหม่ เพราะจะทำให้น้ำเข้าห้องเครื่อง ซึ่งจะทำให้ตัวเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าเกิดความเสียหายมากกว่าเดิม ให้พยายามเข็นรถหรือหารถลากรถของคุณขึ้นที่สูง (ให้น้ำไม่เกินครึ่งล้อรถยนต์) แล้วรอให้ช่างมาดูจะดีกว่า

ที่มา: https://khaorot.com/car-care-and-mai...01019173041513