รู้หรือไม่? การโอนลอยรถมือสอง แม้จะเป็นวิธีที่สร้างความสะดวกให้กับผู้ซื้อและผู้ขาย แต่อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ แล้วควรแก้ไขอย่างไร? เรามีคำแนะนำมาฝาก

การโอนลอย เป็นวิธีถ่ายโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ (อย่างไม่เป็นทางการ) ที่ผู้ซื้อ-ขายเซ็นชื่อบนเอกสาร ได้แก่ เล่มรถ, แบบคำขอโอนและรับโอน, หนังสือมอบอำนาจ, สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของรถ และสำเนาทะเบียนบ้าน ตกลงกันว่าซื้อขายรถยนต์ โดยที่ยังไม่ไปทำการโอนที่ขนส่งให้เรียบร้อย

Name:  3-7ff7-7ada.jpg
Views: 87
Size:  74.6 KB

ทำไมถึงไม่ควรโอนลอย?

แม้จะง่ายและสะดวก แต่อาจสร้างปัญหาให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้ เช่น หากผู้ซื้อไม่จ่ายภาษีประจำปี, เกิดอุบัติเหตุ หรือนำรถไปกระทำความผิด เจ้าของรถรายเดิมมีส่วนรับผิดชอบแน่นอน นอกจากนี้ ยังเป็นช่องว่างที่อำนวยให้เหล่ามิจฉาชีพนำรถโจรกรรมมาหลอกขาย เพราะผู้ซื้อไม่สามารถตรวจสอบสภาพที่แท้จริงของรถได้นั่นเอง

Name:  tisco-1004.jpg
Views: 52
Size:  22.8 KB

ดังนั้น ในการซื้อ-ขาย รถมือสองทุกครั้ง ทั้งผู้ซื้อ-ขายควรไปโอนทะเบียนรถด้วยตนเอง และตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับตัวรถให้ละเอียด ได้แก่ ตรวจสอบแหล่งที่มาของรถ, ตรวจสอบการชำระภาษีรถประจำปี, ตรวจสอบสมุดคู่มือรถฉบับจริงที่มีชื่อเจ้าของรถ, เลขตัวถัง, เลขเครื่องยนต์ และสีรถว่าต้องถูกต้องทุกรายการหรือไม่ โดยนำหลักฐานทะเบียนรถจากผู้ขายมาตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นที่สำนักงานขนส่ง หรือนำรถเข้าตรวจสภาพกับสำนักงานขนส่งที่รถคันนั้นจดทะเบียนไว้

ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ อาจซวยได้

ถ้าคุณเป็นผู้ซื้อที่ใช้วิธีโอนลอย และไม่ได้ตรวจสอบสภาพรถให้ดี หากนำรถไปใช้ แล้วเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ารถของคุณไม่ตรงกับข้อมูลในเล่มทะเบียน อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานปลอมแปลงเอกสาร มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี ปรับสูงสุด 10,000 บาทเลยทีเดียว

ย้ำกันอีกครั้ง! เพื่อความปลอดภัย ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายควรไปโอนทะเบียนรถมือสองที่สำนักงานขนส่งด้วยตัวเอง นอกจากนี้ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ผู้ซื้อควรตรวจเช็กสภาพรถให้ละเอียดก่อนตกลงซื้อขาย

ที่มา: https://khaorot.com/drive-safely/%E0...00629154054588