สภาวะเศรษฐกิจและการเมืองทั่วไปของนิวซีแลนด์

[Henna]

ประเทศนิวซีแลนด์ มีการขาดดุลทางการค้าเท่ากับ 861 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ ในเดือนพฤศจิกายน

สำนักงานสถิติของประเทศนิวซีแลนด์ ได้ออกมานำเสนอข้อมูลในวันพฤหัสบดีว่า ประเทศนิวซีแลนด์ มีการขาดดุลทางการค้าสินค้า คิดเป็นมูลค่าถึง 861 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งมากกว่าการคาดการณ์ ที่ประเมินไว้ว่าจะมีการขาดดุลอยู่ที่ 880 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ หลังจากที่มีการขาดดุลเท่ากับ 1.295 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์ ในรอบเดือนตุลาคม การส่งออก ได้เพิ่มขึ้นมาถึง 7.1% ไปยังระดับที่ 4.9 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์ ซึ่งยังไม่ตรงกับการคาดการณ์ที่ประเมินไว้ว่าจะอยู่ที่ 4.98 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์ แต่ก็ยังเพิ่มขึ้นมาจากเดิมที่อยู่ใน 4.86 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์ ในเดือนก่อนหน้านี้ ส่วนสนับสนุนชั้นนำ ก็คือ การส่งออกอะลูมิเนียมและแผ่นอะลูมิเนียม ที่เพิ่มขึ้นมาถึง 59 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (142 เปอร์เซ็นต์) การปรับตัวเช่นนี้ เป็นผลมาจาก มูลค่าและปริมาณที่ต่ำ ของการส่งออกอะลูมิเนียม ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2017 สำหรับมูลค่าของเดือนนี้ (101 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์) ได้ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยประจำเดือน ในช่วง 24 เดือนที่ผ่านมา (99 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์) เนื้อสัตว์และเครื่องในที่กินได้ เพิ่มขึ้นมาถึง 56 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (11 เปอร์เซ็นต์) ไปจนถึง 553 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ เนื้อวัว ได้เพิ่มขึ้นมาเท่ากับ 51 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (28 เปอร์เซ็นต์) และในส่วนของปริมาณอยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการปรับตัวขึ้นที่มากที่สุดในการส่งออกเนื้อวัวนั้นอยู่ที่ ประเทศจีน ที่เพิ่มขึ้นมาถึง 32 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ นมผง, เนย และชีส (สินค้าส่งออกที่มากที่สุดของทางประเทศ) ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาถึง 30 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (2.1 เปอร์เซ็นต์) จนถึง 1.5 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์ โดยที่ นมผง ปรับตัวขึ้นมาเท่ากับ 96 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (12 เปอร์เซ็นต์) และในส่วนของปริมาณอยู่ที่ 17 เปอร์เซ็นต์ สำหรับมูลค่าต่อหน่วยโดยเฉลี่ยนั้นลดลงมาอยู่ที่ 3.9% ในส่วนของมูลค่านั้น เนย ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 101 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (42 เปอร์เซ็นต์) และในส่วนของปริมาณได้อยู่ที่ 33 เปอร์เซ็นต์ สำหรับมูลค่าต่อหน่วย ลดลงมาถึง 14 เปอร์เซ็นต์ การเตรียมการของ ผลิตภัณฑ์นม, ธัญพืช, แป้ง และสตาร์ช เพิ่มขึ้นมาถึง 36 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (25 เปอร์เซ็นต์) โดยในกลุ่มนี้ รวมถึง อาหารสูตรสำหรับทารก นอกจากนั้น ผลไม้ ได้เพิ่มขึ้นมาถึง 32 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (60 เปอร์เซ็นต์) ไปจนถึง86 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ ซึ่งกีวีเขียวได้ขึ้นนำมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้นมาถึง 34 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (167 เปอร์เซ็นต์) และในส่วนของปริมาณได้อยู่ที่ 162% การนำเข้าลดระดับลงมาถึง 0.6% ไปยังระดับที่ 5.8 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์ เมื่อเปรียบเทียบกับที่ได้คาดการณ์ไว้ใน 5.80 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์และ ก็ยังลดระดับลงมาจากเดิมที่ 6.13 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์ ในเดือนก่อนหน้านี้ การปรับตัวลงหลักๆ ได้แก่ ยานยนต์, อะไหล่ และอุปกรณ์เสริมเพื่อการตกแต่ง ที่ลดลงไปเท่ากับ 188 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (23 เปอร์เซ็นต์) ไปอยู่ที่ 647 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ อย่างใน เครื่องบินและ ชิ้นส่วนอะไหล่ ที่ลดลงไปถึง 143 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (48 เปอร์เซ็นต์) ไปอยู่ที่ 153 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์, ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ลดลงไป 59 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (11 เปอร์เซ็นต์) ไปอยู่ที่ 504 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์, น้ำมันดิบ ลดลงไปเท่ากับ 115 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (34 เปอร์เซ็นต์) สำหรับด้านปริมาณ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยมและผลิตภัณฑ์อื่นๆ นอกจากน้ำมัน (อย่างเช่นน้ำมันเบนซิน และดีเซล) ได้เพิ่มขึ้นมาถึง 50 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (24 เปอร์เซ็นต์) และ เครื่องจักรและอุปกรณ์ ได้ลดระดับลงมาที่ 54 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (6.5 เปอร์เซ็นต์) ไปอยู่ที่ 782 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ การปรับตัวลงเหล่านี้ มีส่วนที่ได้มีการชดเชยมาด้วย การปรับตัวขึ้นมาในส่วนของ สินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งนำโดย ปุ๋ยที่เพิ่มขึ้นมา 47 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (89 เปอร์เซ็นต์) และ กากหรือของเหลืออาหารจากอุตสาหกรรมด้านอาหาร และอาหารสำหรับสัตว์ (อย่างเช่น เค้กจากน้ำมันถั่วเหลือ งและเค้กจากน้ำมันปาล์ม) ที่ได้เพิ่มขึ้นมาถึง 45 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (52 เปอร์เซ็นต์) มูลค่าของการส่งออกสินค้าประจำปี ได้อยู่ที่ระดับ 57.5 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์ ในรอบเดือนพฤศจิกายน ปี 2018 โดยเพิ่มขึ้นมาเท่ากับ 5.0 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์จากเดิมในช่วงท้ายปีของเดือนพฤศจิกายนในปี 2017 สำหรับการนำเข้าสินค้าในรอบประจำปี มีมูลค่าอยู่ที่ 63.0 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์ ในเดือนพฤศจิกายน ปี2018 โดยเพิ่มขึ้นมาจากเดิมที่ 7.0 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์ ในช่วงตอนท้ายของปี ในเดือนพฤศจิกายนปี 2017 การขาดดุลด้านการค้า ในรอบปี ได้อยู่ที่ 5.4 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์ ในรอบเดือนพฤศจิกายน ปี2018 ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจากเดิมที่ 3.5 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์ ในรอบเดือนพฤศจิกายน ปี 2017

[Henna]

ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในประเทศนิวซีแลนด์ลดลง ในรอบเดือนพฤศจิกายน

สำนักงานสถิติของประเทศนิวซีแลนด์ได้ออกมานำเสนอข้อมูลในวันอังคารว่า ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในประเทศนิวซีแลนด์ลดลงไปในฤดูกาลนี้ถึง 0.2% ในรอบเดือนพฤศจิกายน โดยตรงกับการคาดการณ์และ ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้านี้ หลังจากที่มีการปรับลดลงจากเดิมที่ -0.1% ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในการค้าปลีกลดลงไป 0.4% ซึ่งไม่ตรงกับการคาดการณ์ที่ประเมินไว้ว่าน่าจะเพิ่มขึ้นมาถึง 0.3% หลังจากการปรับตัวลดลง ในเดือนตุลาคม (ซึ่งจากเดิมขึ้นไปถึง 0.1%) ยอดการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมการค้าปลีกหลัก (ซึ่งไม่คิดคำนวณรวมน้ำมันและยานพาหนะ) ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาถึง 0.5% ในแต่ละด้านอุตสาหกรรม ที่มีการปรับตัวขึ้นได้แก่ การต้อนรับและการบริการ เพิ่มขึ้นมาเป็น 14 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (1.3 เปอร์เซ็นต์), สินค้าคงทนเพิ่มขึ้นมาถึง 11 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (0.8 เปอร์เซ็นต์), ยานพาหนะ (ไม่รวมกับน้ำมันเชื้อเพลิง) เพิ่มขึ้นมาถึง 3.4 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (2.0 เปอร์เซ็นต์), เครื่องแต่งกาย เพิ่มขึ้นมาถึง 2.8 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (0.9 เปอร์เซ็นต์), สินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค ลดลงไป 6.5 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (0.3 เปอร์เซ็นต์) และน้ำมันเชื้อเพลิงได้ลดลงไปถึง 48 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (7.2 เปอร์เซ็นต์) การใช้จ่ายผ่านบัตรในด้านเชื้อเพลิงลดลงไป 7.2% เมื่อเปรียบเทียบกับของเดือนตุลาคมปี 2018 "การใช้จ่ายต่อน้ำมันเชื้อเพลิง อยู่ที่ 625 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ ซึ่งนับว่าเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบเดือนตุลาคม ปี 2017 " คุณ Sue Chapman ผู้จัดการด้านข้อมูลสถิติการค้าปลีก ยังกล่าวอีกว่า "ในช่วงเดือนพฤศจิกายนจะพบได้ว่า ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย ลดลงไปประมาณ 20 เซนต์ต่อลิตร โดยมันทำให้ราคารปรับตัวขึ้นมาจากระดับต่ำสุด นับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี2017" มูลค่าทั้งหมดของการใช้จ่ายผ่านบัตรอิเล็คทรอนิคส์ รวมทั้งนอกการค้าปลีกทั้งสองประเภท (การบริการและ ที่ไม่ใช่การค้าปลีก) ลดลงไปถึง 0.2% ในเดือนพฤศจิกายน หลังจากที่มีการลดลงไปถึง 0.2% ในเดือนตุลาคม ปี 2018 ในหมวดที่ไม่ใช่การค้าปลีก (ไม่รวมกับการบริการ) ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง และหมวดการบริการเพิ่มขึ้นมาถึง 3.3 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (1.2 เปอร์เซ็นต์) โดยประเภทที่ไม่ใช่การค้าปลีก (ไม่รวมกับการบริการ) จะประกอบด้วยการท่องเที่ยว, ด้านสุขภาพและการขายส่ง ตามความเป็นจริงแล้ว ผู้ถือบัตรได้ทำธุรกรรมทั้งหมดไปถึง 152 ล้านรายการในทั่วทุกอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน ปี 2018 โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 50 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ต่อรายการ สำหรับยอดรวมที่ใช้จ่ายในการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์จะอยู่ที่ 7.6 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์

[Henna]

อัตราการค้าของประเทศนิวซีแลนด์ ลดระดับลงไปถึง 0.3% ในไตรมาสที่สาม

ข้อมูลทางสถิติของประเทศนิวซีแลนด์ ที่ได้นำเสนอข้อมูลออกมาในวันจันทร์ว่า อัตราการค้าของประเทศนิวซีแลนด์ ปรับลดลงไปในฤดูกาลนี้ถึง 0.3% เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ ไตรมาสที่สามของปี 2018 หลังจากที่ปรับตัวลดระดับลงไปถึง 0.4% ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ (จากเดิมอยู่ที่ 0.6%) ราคาการส่งออกสินค้า ได้เพิ่มขึ้นมาถึง 2.3% และราคาการนำเข้าก็เพิ่มขึ้นมาเท่ากับ 2.6% ปริมาณการส่งออกสำหรับสินค้า เพิ่มขึ้นมาเป็น 1.8% และปริมาณการนำเข้าได้ลดลงไปถึง 0.9% มูลค่าของการส่งออก เพิ่มขึ้นมาเป็น 6.0% และ มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นมาเป็น 0.6% ิีิัอัตราการค้าในส่วนของการบริการ ได้ลดระดับลงไปถึง 4.0%

[Henna]

เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ

เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ปรับตัวสูงขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ในช่วงเซสชั่นเอเชียในวันพุธ เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ปรับตัวสูงขึ้นมาที่ 0.6813 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ จากระดับต่ำสุดประจำสัปดาห์ในช่วงแรกที่ระดับ 0.6782 เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ ปรับตัวสูงขึ้นมาถึง 76.92 เมื่อเทียบกับเงิยเยน และอีก 1.6700 เมื่อเทียบกับเงินยูโร ที่ได้เคลื่อนตัวออกจากระดับต่ำสุดในรอบ 8 วันที่ 76.44 และต่ำสุดในรอบ 2 วันที่ 1.6760 ตามลำดับ เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ ปรับตัวกลับขึ้นมาที่ 1.0614 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย หลังจากที่ลดระดับลงไปยัง 1.0649 ในเวลา 21.15 น. ตามเวลาแบบ et ถ้าหากเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ ปรับตัวขึ้นมาเพิ่มเติมละก็ มันก็อาจจะพบกับแนวต้านรอบๆ บริเวธที่ 0.69 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ, 78.00 เมื่อเทียบกับเงินเยน, 1.65 เมื่อเทียบกับเงินยูโร และ1.05 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย

[Henna]

ดัชนีราคาผู้ผลิตในประเทศนิวซีแลนด์ เพิ่มขึ้นมาถึง 1.4% ในรอบไตรมาสของไตรมาสที่สาม

สำนักงานสถิติของประเทศนิวซีแลนด์ได้นำเสนอข้อมูลออกมาในวันจันทร์ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตในวัตถุดิบการผลิต เพิ่มขึ้นมาถึง 1.4% ในไตรมาส โดยเพิ่มขึ้นมาจากเดิมที่ 1.0% ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ ดัชนีราคาผู้ผลิตในผลผลิต ปรับตัวสูงขึ้นมาถึง 1.5% ในไตรมาส โดยเพิ่มขึ้นมาจากเดิมที่อยู่ในระดับ 0.9% ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ เมื่อเทียบเป็นรายปีจะพบได้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตในส่วนของวัตถุดิบการผลิต เพิ่มขึ้นมาเป็น 4.0% และมรผลผลิตก็เพิ่มขึ้นมาถึง 3.6% ดัชนีราคาสินค้าเกษตร (fepi) ได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 1.1% ในไตรมาสและอีก 3.8% ในรอบปี โดยดัชนีราคาสินค้าต้นทุน (cgpi) ปรับตัวขึ้นมาเป็น 1.2% ในไตรมาสและอีก 3.1% ในรอบปี

[Henna]

ราคาอาหารในประเทศนิวซีแลนด์ปรับตัวขึ้นมาถึง 0.3% ในรอบเดือนตุลาคม

ข้อมูลสถิติของประเทศนิวซีแลนด์ได้ออกมานำเสนอข้อมูลในวันอังคารว่า ราคาอาหารในประเทศนิวซีแลนด์ปรับตัวขึ้นมาถึง 0.3% ในรอบเดือนตุลาคม หากคิดตามการแยกประเภทแล้วจะพบได้ว่า ราคาผักและผลไม้เพิ่มขึ้นมาถึง 0.2% ในรอบเดือน ในขณะที่ราคาเนื้อสัตว์, สัตว์ปีก และปลา ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น 2.4% , ราคาอาหารในร้านขายของชำกลับลดลงมาถึง 0.3%, ราคาเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ลดลงไปถึง 0.3% และราคาอาหารในร้านอาหารและราคาอาหารพร้อมรับประทาน เพิ่มขึ้นมาถึง 0.1% ราคาเนื้อแกะพุ่งขึ้นมาถึง 7.7% จากเดิมในเดือนกันยายน ที่ได้แตะในระดับ 17.12เหรียญนิวซีแลนด์ต่อกิโลกรัม ในขณะที่ต้นทุนไส้กรอกเพิ่มขึ้นมาเท่ากับ 4.9% โดยอยู่ใน 10.30 เหรียญนิวซีแลนด์ต่อกิโลกรัม ผู้จัดการราคาในส่วนของผู้บริโภค Geraldine Duoba ได้ออกมากล่าวว่า "จากช่วงฤดูร้อนที่ใกล้เข้ามานั้น ราคาที่เพิ่มขึ้นในส่วนนี้ จะทำให้เนื้อบาร์บีคิวมีราคาแพงมากขึ้น" แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ราคาสเต็กสันอกและพอร์ตเตอร์เฮาส์ ได้ลดระดับลงมาเล็กน้อย จากระดับสูงสุดที่อยู่ในเดือนกันยายนของปี 2018 โดยคิดเป็น 30.72 เหรียญนิวซีแลนด์ต่อกิโลกรัม การเพิ่มขึ้นของราคาที่อยู่ในเนื้อสัตว์ เกิดขึ้นตามการลดลงของสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์และ อุปสงค์ที่แข็งแกร่งในส่วนของการส่งออกเนื้อของประเทศนิวซีแลนด์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อแกะ การเพิ่มขึ้นในส่วนนี้ ได้ส่งผลให้มีการเกิดขึ้นในราคาเนื้อสัตว์ และสัตว์ปีกในเดือนตุลาคมถึง 2.5% โดยมันเป็นการเพิ่มขึ้นที่มากที่สุดประจำเดือน นับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2016 ที่ผ่านมา ราคาผักปรับตัวลดลงไปถึง 8.7% ในเดือนตุลาคม หลังจากที่ร่วงลงไปเท่ากับ 8.7% ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา "มะเขือเทศ, คอร์เกตต์ และผักกาดขาว ทั้งหมดนี้มีราคาลดลงไปตามฤดูกาลของเดือนนี้ " นาย Duoba ยังกล่าวไว้อีก่า "โดยราคาเหล่านี้มักจะร่วงลงมาเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงช่วงฤดูร้อน" ราคามะเขือเทศลดลงไปเท่ากับ 22% คิดเป็น 6.90เหรียญนิวซีแลนด์ต่อกิโลกรัม ในขณะที่ผักกาดหอมลดลงไปถึง 30% โดยคิดเป็น 1.28 เหรียญนิวซีแลนด์ต่อหัว 500 กรัม การลดระดับลงของราคาคอร์เกตต์ ตามมาด้วยการเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนกันยายน เมื่อมีการจำกัดด้านการจัดจำหน่าย มันเกิดขึ้นเมื่อการนำเข้าคอร์เกตต์และผักผลไม้อื่นๆ ก็จะถูกระงับไว้ชั่วคราว เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ ส่วนอุปทานในฤดูกาลใหม่ในส่วนของคอร์เกตต์ในประเทศ ที่จะเข้ามาสู่ตลาดในเดือนตุลาคม อาจจะทำให้ราคาลดลงไปอีกครั้ง แต่ถึงอย่างไรก็ตามราคาของคอร์เกตต์ ยังคงอยู่ใน 15% ซึ่งมากกว่าที่เคยพบในช่วงเดือนตุลาคมปี 2017 ในการเปรียบเทียบประจำปีจะพบได้ว่า ราคาอาหารเพิ่มขึ้นมาเท่ากับ 0.6% หากคิดตามการแยกประเภทแล้วจะพบได้ว่า ราคาผักและผลไม้ลดลงไปเท่ากับ 5.6 % ในขณะที่ราคาเนื้อสัตว์, สัตว์ปีก และปลา ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น2.6% , ราคาอาหารในร้านขายของชำปรับตัวขึ้นมาเท่ากับ 0.6%, ราคาเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้นมาถึง 1.0% และราคาอาหารในร้านอาหารและราคาอาหารพร้อมรับประทาน เพิ่มขึ้นมาถึง 2.9% ราคาอาหารที่ยังไม่ปรับตามฤดูกาลนั้น จะลดลงไปยัง 0.6% ในรอบเดือน

[Henna]

อัตราการว่างงานในประเทศนิวซีแลนด์ลดลงไปถึง 3.9% ในไตรมาส

สำนักงานสถิติของประเทศนิวซีแลนด์ ได้ออกมานำเสนอข้อมูลในวันพุธว่า อัตราการว่างงานในประเทศนิวซีแลนด์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาถึง 3.9% ในไตรมาสที่สามของปี 2018 โดยยังต่ำกว่าการคาดากรณ์ ที่ประเมินไว้ใน 4.4% และก็ยังลดระดับลงมาจากเดิมที่ 4.5% ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ มันยังเป็นอัตราการว่างงานที่ต่ำที่สุด นับตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปี 2008 การจ้างงาน มีการเพิ่มขึ้นมาถึง 2.8% ในรอบปีนี้ ซึ่งมากกว่าการคาดการณ์ ที่ประเมินไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นมาถึง 2.0% หลังจากที่มีกาปรับตัวขึ้นมาถึง 3.7% ในไตรมาส 2 อัตราการมีส่วนร่วมจะอยู่ที่ 71.1% ที่ตรงกับการคาดการณ์ใน 70.9% โดยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้านี้ การปรับตัวลงของอัตราการว่างงาน ในไตรมาสล่าสุด แสดงให้เห็นถึง การลดลงของจำนวนผู้ว่างงานอย่างมาก (โดยลดลงไปถึง 13,000คน) และ การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก (โดยเพิ่มขึ้มาถึง 29,000คน) สำหรับอัตราการจ้างงานในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นมาเป็น 68.3% นับว่าเป็นอัตราที่สูงที่สุด นับตั้งแต่ที่เริ่มเก็บข้อมูลมามากกว่า 30 ปีที่ผ่านมา การปรับตัวลงของการว่างงาน ควบคู่ไปกับ การลดลงของอัตราการทำงานต่ำระดับ เป็นกุญแจต่อ อัตราการใช้กำลังการผลิต ที่ลดลงไปถึง 11.3% ผู้จัดการอาวุโส Jason Attewell ผู้จัดการอาวุโสข้ด้านข้อมูลทางสถิติของตลาดแรงงานและครัวเรือน ได้กล่าวออกมาว่า "ในขณะที่ อัตราการว่างงานในไตรมาสนี้ อยู่นอกเหนือจากการคาดการณ์ของตลาด พวกเราจึงทราบว่า ประเทศนิวซีแลนด์มีเศรษฐกิจขนาดเล็กที่มีตลาดแรงงานที่ขับเคลื่อนอยู่ตลอดเวลา และมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งในส่วนของการปรับตัวขึ้นและลง ที่ได้เกิดขึ้นมาในช่วงก่อนหน้านี้หมดแล้ว ในปี 2012 และ 2015" "พวกเรารู้ด้วยว่า มาตรการตลาดแรงงาน มีแนวโน้มที่จะล้าหลังตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจอื่นๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึง การเติบโตที่แข็งแกร่งและอยู่ในวงกว้างในปี 2018 โดยพวกเราเห็นว่า การเติบโตของประชากรในภูมิภาค, การรายงานถึงการโฆษณาตำแหน่งงานที่มากขึ้น, การเปลี่ยนถิ่นฐานและการท่องเที่ยวในระดับสูง, ยอดการขายที่เพิ่มขึ้น และการส่งออกที่สูงขึ้น " ในไตรมาสล่าสุดพบว่า มีผู้ว่างงานถึง 109,000 คน ซึ่งได้ลดลงไปถึง 13,000 คน (10.5 เปอร์เซ็นต์) ในไตรมาสที่สอง โดยมีผู้หญิงถึง 8,000 คนและผู้ชายถึง 5,000 คน สำหรับทั้งสองเพศ มันสะท้อนให้เห็นถึง เยาวชนตกงานที่ลดลงไป 11,000 คน (อายุประมาณ 15-24 ปี) ภูมิภาคที่มีการเติบโตด้านการจ้างงานอย่างมาก ได้แก่ โอ๊คแลนด์ เพิ่มขึ้นมาเป็น 34,600 คน(3.8 เปอร์เซ็นต์), Waikato เพิ่มขึ้นมาเป็น 8,400 คน(3.3 เปอร์เซ็นต์), โอทาโกเพิ่มขึ้นมาเป็น 6,700 ((5.5 เปอร์เซ็นต์), อ่าว Gisborne และ Hawke เพิ่มขึ้นมาเป็น 6,400คน (6.5 เปอร์เซ็นต์) และ Taranaki เพิ่มขึ้นมาเป็น 4,300คน (7.1 เปอร์เซ็นต์) จำนวนงานที่เติมเต็ม ในทุกๆปี ซึ่งตรวจสอบโดยการสำรวจการจ้างงานประจำไตรมาส (QES) พบว่า เพิ่มขึ้นมาเป็น 1.2 เปอร์เซ็นต์ (ยังไม่ปรับ) โดยคิดเป็ตำแหน่งงานที่มากกว่าเดิมถึง 23,500 ตำแหน่ง สำหรับการเพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้นใน ผู้หญิง 17,500 คนและผู้ชายถึง 6,000 คน รายได้เฉลี่ยประจำสัปดาห์ (รวมทั้ง ค่าล่วงเวลา) สำหรับพนักงานที่มีระดับเทียบเท่ากับการทำงานเต็มเวลา (FTEs) ได้เพิ่มขึ้นมาในทุกๆปี เป็น 3.3% โดยคิดเป็น 1,212.82 เหรียญนิวซีแลนด์ต่อสัปดาห์

[Henna]

ใบอนุญาตการก่อสร้างของประเทศนิวซีแลนด์ ได้ลดลงไป1.5% ในเดือนกันยายน

สำนักงานสถิติแห่งประเทศนิวซีแลนด์ ได้ออกมานำเสนอข้อมูลในวันพุธว่า ข้อมูลตัวเลขของการออกใบอนุญาตการก่อสร้างของประเทศนิวซีแลนด์ หลังได้ลดลงไปในฤดูการนี้ถึง 1.5% ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาถึง 6.8% ในเดือนสิงหาคมและลดลงไป 9.7% ในเดือนกรกฎาคม ในรอบปีนี้ที่มาสิ้นสุดในเดือนกันยายนปี 2018จะพบได้ว่า จำนวนที่อยู่อาศัยใหม่ที่ได้รับการยินยอม คิดเป็น 32,548 ราย โดยเพิ่มขึ้นมาเท่ากับ 5.4 เปอร์เซ็นต์จากเดิมในเดือน กันยายน ปี 2017 มูลค่าประจำปีของการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยที่ได้รับการอนุญาต อยู่ที่ 6.7 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์ โดยเพิ่มขึ้นมารเป็น 4.9 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมในเดือนกันยายน ปี 2017 ในเดือนกันยายน ปี2018 พบว่า ได้มีการอนุญาตให้มีการก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ถึง 2,559 แห่ง ได้แก่ บ้านเดี่ยว 1,673 หลัง, ทาวน์เฮาส์,แฟลต รวมทัั้งห้องชุด 506 หลัง, อพาร์ทเมนท์และที่อยู่สำหรับผู้เกษียณตามอายุอีก 165 แห่ง จำนวนที่อยู่อาศัยใหม่ปรับที่ได้รับการออกใบอนุญาตในฤดูกาลนี้ ได้ลดลงไปเท่ากับ 1.5% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคมปี 2018 หลังจากที่เพิ่มขึ้นมาถึง 6.8% ในเดือนสิงหาคม และยังลดลงมาเป็น 9.7% ในเดือนกรกฎาคม สำหรับบ้านเดี่ยวเท่านั้น มีจำนวนเพิ่มขึ้นในฤดูกาลนี้ถึง 0.9% หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม (เพิ่มขึ้นมาถึง 0.2%) และลดลงไปถึง 5.9% ในเดือนกรกฎาคม ในรอบปีที่มาสิ้นสุดในรอบเดือนกันยายนปี 2018 พบว่ามีการอนุญาตให้มีการก่อสร้างใหม่ถึง 32,548 แห่งในระดับประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นมาเป็น 5.4% จากเดิมในเดือนกันยายน ปี 2017 จำนวนบ้านหลังใหม่ที่ได้รับการอนุญาต ทั่วทั้งประเทศนิวซีแลนด์ในปีที่แล้ว ได้แก่ 12,945 หลังที่โอ๊คแลนด์ โดยเพิ่มขึ้นมาเท่ากับ 25 เปอร์เซ็นต์; 3,517 หลังใน Waikato ซึ่งลดลงไปถึง 2.2%; 2,604 หลังในเวลลิงตัน โดยเพิ่มขึ้นมาถึง 13 เปอร์เซ็นต์; 5,471 หลัง Rest of North Island ซึ่งลดลงไปถึง 9.9 เปอร์เซ็นต์; 4,629 หลังในแคนเทอร์เบอรี่ ซึ่งลดลงไปถึง 9.6 เปอร์เซ็นต์ และ 3,378 หลังใน Rest of South Island ที่ลดลงไปเท่ากับ 2.7% ในรอบปีที่มาสิ้นสุดในรอบเดือนกันยายน ปี 2018 จะพบได้ว่า การออกใบอนุญาตการก่อสร้างอาคารที่ไม่ได้เป็นที่อยู่อาศัย มีมูลค่าทั้งสิ้น 6.7 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์โดยเพิ่มขึ้นมาถึง 4.9% จากเดิมในเดือนกันยายน ปี 2017 สำหรับการปรับตัวขึ้นมานี้ อาจได้รับอิทธิพลมาจาก การเปลี่ยนแปลงทั้งปริมาณและราคา ส่วนราคาก่อสร้างที่ไม่ได้เป็นที่อยู่อาศัย ก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 4.3% ในเดือนมิถุนายน ปี 2018 ตามการตรวจสอบของดัชนีราคาสินค้าทุน ในเดือนกันยายนปี 2018 จะพบได้ว่า ประเภทของการก่อสร้างที่ไม่ได้เป็นที่อยู่อาศัย ที่มีมูลค่าสูงสุด ได้แก่ อาคารเรียนคิดเป็น 1.1 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์ โดยเพิ่มขึ้นมาถึง 16% จากเดิมในเดือนกันยายน ปี 2017 ในส่วนของ ร้านค้า, ร้านอาหารและบาร์ คิดเป็น 1.0 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์ ซึ่งเพิ่มขึ้นมาถึง 27% และสำนักงาน, อาคารการบริหาร และอาคารขนส่งสาธารณะ คิดเป็น 917 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ ซึ่งลดลงไปถึง 32%

[Henna]

อัตราเงินเฟ้อของประเทศนิวซีแลนด์ในไตรมาสที่สาม เพิ่มขึ้นมาเป็น 0.9% ในรอบไตรมาสที่สาม

สำนักงานสถิติของประเทศนิวซีแลนด์ได้ออกมานำเสนอข้อมูลในวันอังคารว่า ราคาผู้บริโภคของประเทศนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้นมาเป็น 0.9% ในรอบไตรมาส ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2018 ซึ่งมากกว่าที่ได้คาดการณ์ ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 0.7% และก็ยังเพิ่มขึ้นมาจากเดิมที่ 0.4% ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ เมื่อเปรียบเทียบเป็นรายปีก็จะพบว่า อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมา 1.9% เป็นอีกครั้งที่มากกว่าการคาดการณ์ที่ได้ประเมินไว้ใน 1.7% และปรับตัวขึ้นมาจากเดิมในช่วงสามเดือนก่อนหน้านี้ที่ 1.5% "ราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นมา 19% ในเดือนกันยายน ของปี 2018" ผู้จัดการอาวุโสด้านราคา Paul Pascoe ได้กล่าวไว้ "โดยนี้เป้น การเพิ่มขึ้นที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนของปี 2011" น้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นมาเป็น 5.5% ในไตรมาสของเดือนกันยายน ปี 2018 สำหรับราคาโดยเฉลี่ยของ 91 ออกเทน หลังจากหักกับส่วนลดไป (ทั้งหมดในไตรมาสของเดือนกันยายน) จะไปอยู่ที่ระดับ 2.18ดอลลาร์นิวซีแลนด์ โดยเพิ่มขึ้นมาจากเดิมที่ 2.06 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ในไตรมาสของเดือนมิถุนายน นอกจากนั้น ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นตลอดทั้งไตรมาสอย่างต่อเนื่อง และในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน ก็มาอยู่ใน 3.2% ซึ่งมากกว่าราคาที่เพิ่มขึ้นมาโดยเฉลี่ยประจำไตรมาสของเดือนกันยายน มีปัจจัยอยู่หลายประการที่ส่งผลให้ ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนได้ลดลงไปในช่วงไตรมาส ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น นอกเหนือจากนี้ภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงในภูมิภาคที่เท่ากับ 10 เซนต์ต่อลิตร พร้อมกับ GST ที่ได้ถูกนำมาใช้ในโอ๊คแลนด์ ภายในวันที่ 1 เดือนกรกฎาคม ราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นมาเป็น 8.8% ในเมืองโอ๊คแลนด์ในรอบไตรมาสนี้ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ 3% จนถึง 5% ในส่วนที่เหลือของประเทศ "ในขณะที่ น้ำมันเบนซินปรับตัวขึ้นมาประมาณ 4% ของดัชนีราคาผู้บริโภค โดยมันอาจจะมีผลกระทบอย่างมากต่อ อัตราเงินเฟ้อโดยรวม" นาย Pascoe กล่าวไว้ "มันมีส่วนทำให้การเคลื่อนไหวในยอดดัชนีราคาผู้บริโภค ประจำไตรมาสของเดือนกันยายน อยู่ที่ 30% และอีกประมาณ 40% ต่อการเคลื่อนไหวในรอบประจำปี" นี่เป็นครั้งแรกที่ ราคาน้ำมันเบนซินได้เพิ่มขึ้นเป็นสี่ไตรมาสติดต่อกัน นับตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2008 ในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินในระดับโลก ในขณะที่ น้ำมันเบนซินได้ถูกนำออกไปจากดัชนีราคาผู้บริโภค โดยมีการเพิ่มขึ้นมาใน 0.7% ในรอบเดือนกันยายน ปี 2018 (เมื่อเปรียบเทียบกับโดยรวมใน 0.9%) และใน 1.2% ของเืดอนกันยายนปี 2018 (เมื่อเปรียบเทียบกับโดยรวมใน 1.9%) การเพิ่มขึ้นถึง 3.5 เซนต์ต่อลิตร ของน้ำมันเบนซินจากทั่วประเทศ ได้เกิดขึ้นในวันที่ 30 เดือนกันยายน สำหรับผลกระทบในการเพิ่มขึ้นของราคา จะสามารถเห็นได้ในไตรมาสของเดือนธันวาคมปี 2018 อัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลงไปนั้น ได้ทำให้การนำเข้ามีราคาเพิ่มสูงขึ้น สำหรับชาวนิวซีแลนด์ โดยมันก็มีส่วนทำให้ราคาอุปกรณ์ภาพและเสียงได้เพิ่มขึ้นมาถึง 2.6% อย่างเช่น โทรทัศน์, กล้องถ่ายรูป และระบบโฮมเธียเตอร์ ในไตรมาสของเดือนกันยายน ปี 2018 และนี้ก็เป็นครั้งแรกที่มีการเพิ่มขึ้นของอุปกรณ์ภาพและเสียง นับตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2016 เนื่องจากการปรับคุณภาพโดยรวมได้ทำให้ราคาตกลงไป สำหรับสินค้าเหล่านี้

[Henna]

การโฆษณางานของประเทศนิวซีแลนด์ ลดระดับลงไปในเดือนกันยายน

ผลการสำรวจจากธนาคาร ANZ ที่ได้นำเสนอข้อมูลออกมาในวันพุธว่า การโฆษณาตำแหน่งงานของประเทศนิวซีแลนด์ลดลงไป ในเดือนกันยายนหลังจากเพิ่มขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา การโฆษณางานลดลง 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในฤดูกาลนี้ ของเดือนกันยายน โดยหันกลับมาเพิ่มขึ้นถึง 0.4% ในเดือนสิงหาคม การเติบโตรอบปีโดยเฉลี่ยในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา ของปริมาณการโฆษณางาน ได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 6.0% ในเดือนกันยายนจากเดิมใน 5.0% ในเดือนก่อนหน้านี้ ในช่วงไตรมาสที่สามพบว่า การโฆษณาตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นมาถึง 3.4% เมื่อไปเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ คุณ Liz Kendall นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากธนาคาร ANZ กล่าวไว้ว่า "ตลาดแรงงานในตอนนี้กำลัง"บีบตัว" และพวกเราก็คาดว่า อัตราการว่างงานจะลดลงไปเล็กน้อยจากระดับในปัจจุบันที่ 4.5%" "การอ่อนค่าในการสำรวจความตั้งใจต่อการจ้างงาน ได้ส่งผลไปยังแนวโน้ม แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา การโฆษณาตำแหน่งงานได้เคลื่อนตัวไปในทิศทางที่ถูกต้อง แม้ว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างเงียบบ้างก็ตามที"