สภาวะเศรษฐกิจและการเมืองทั่วไปของเกาหลีใต้

[Toy]

ภาคการผลิตของประเทศเกาหลีใต้ปรับตัวลง

อ้างอิงผลสำรวจล่าสุดจากสถาบัน Nikkei ที่ออกมานำเสนอข้อมูลในวันอังคารว่าภาคการผลิตของประเทศเกาหลีใต้ได้ปรับตัวลงมาในเดือนกรกฎาคม โดยมียอดดัชนี PMI ด้านการผลิตอยู่ที่ 49.1 ซึ่งลดลงมาจากเดิมในเดือนมิถุนายนที่ 50.1 ซึ่งลดลงไปอยู่ต่ำกว่าเส้นแบ่งระดับที่ 50 ที่แยกการขยายตัวออกจากการหดตัวทางเศรษฐกิจ หากคิดตามการแยกประเภทแล้วจะพบว่าการผลิตได้ลดลงไปโดยรวมในส่วนของยอดการสั่งซื้อสินค้าใหม่และยอดการขายสินค้าส่งออกที่ลดลง ยังมีอุปสงค์ที่ลดลงจากภาครถยนต์แล้วการลดต้นทุนการผลิตลงอย่างมากหลังจากที่ราคาต้นทุนลดต่ำลง

[Toy]

ประเทศเกาหลีใต้มีส่วนเกินในบัญชีกระแสรายวันอยู่ที่ 2.68 พันล้านเหรียญ

ธนาคารแห่งประเทศเกาหลีได้ออกมานำเสนอข้อมูลในวันอังคารว่า ประเทศเกาหลีใต้ได้ออกมานำเสนอส่วนเกินในบัญชีกระแสรายวัน ที่อยู่ใน 2.68พันล้านเหรียญ ในเดือนมกราคม ซึ่งเกิดขึ้น หลังจากที่มีการเกินดุลในเดือนธันวาคมเท่ากับ 4.09พันล้านเหรียญ ส่วนเกินในบัญชีสินค้าได้เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยใน 8.11พันล้านเหรียญ เมื่อเทีนบกับส่วนเกินในเดือนมกราคมปี 2017 ใน 7.73พันล้านเหรียญ การขาดดุลในบัญชีบริการได้เพิ่มขึ้นมา 4.49พันล้านเหรียญ จากเดิมในเดือนมกราคมของปีที่ผ่านมาใน 3.34พันล้านเหรียญ ซึ่งมาจากการปรับตัวลงไปในบัญชีการท่องเที่ยว ส่วนเกินในบัญชีรายรับเบื้องต้นได้ลดลงไปจาก 1.18พันล้านเหรียญ ในปีก่อนหน้านี้ เป็น 0.68พันล้านเหรียญที่เป็นส่วนเกินในเดือนมกราคมปี 2018 ซึ่งตรงกับการขาดดุลในค่าใช้จ่ายของบัญชีลูกจ้างที่เพิ่มขึ้นมา บัญชีรายรับระดับสองได้มีการขาดดุลเท่ากับ 1.16พันล้านเหรียญ ในบัญชีการเงินจะพบว่ามี การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ทั้งหมดเป็น 4.11พันล้านเหรียญในเดือนมกราคม สินทรัพย์จากการลงทุนโดยตรงเพิ่มขึ้นมา 1.40พันล้านเหรียญ และ หนี้สินจากการลงทุนโดยตรงเองก็เท่ากับ 1.26พันล้านเหรียญ การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนเท่ากับ 10.57พันล้านเหรียญ ในช่วงรอบเดือนนั้น และมีการขยายตัวเกิดขึ้นในหนี้สินจากพอร์ตการลงทุนเท่ากับ 7.08พันล้านเหรียญ ตราสารอนุพันธ์ทางการเงิน ได้มีการลดลงไปทั้งหมดเท่ากับ 1.29พันล้านเหรียญ ในส่วนของการลงทุนในด้านอื่นจะพบได้ว่า มีการเพิ่มขึ้นมาถึง 2.82พันล้านเหรียญในส่วนของสินทรัพย์ และส่วนของหนี้สินอยู่ที่ 2.49พันล้านเหรียญ สินทรัพย์สำรองเองก็เพิ่มขึ้นมาถึง 1.44พันล้านเหรียญ

[Toy]

ยอด gdp ของประเทศเกาหลีใต้ได้เพิ่มขึ้นมา 0.2% ในไตรมาสที่สี่

ธนาคารแห่งประเทศเกาหลี ได้ออกมานำเสนอข้อมูลในวันพุธว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ของประเทศเกาหลีใต้ ได้มีการขยายตัวขึ้นมาใน 0.2 เปอร์เซ็นต์ ในไตรมาสที่สี่ของปี 2017 ซึ่งอยู่ในแนวโน้มตามมาจากการปรับตัวขึ้นในไตรมาสที่สามที่ 1.4 เปอร์เซ็นต์ ในด้านรายปีจะพบว่า ยอด gdp มีการขยายตัวขึ้นมา 2.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งได้ลดระดับลงมาจากเดิมในช่วงสามเดือนก่อนหน้านี้ที่ 3.8 เปอร์เซ็นต์ ตลอดทั้งปี 2017 นั้นพบว่ายอด gdp ได้มีการปรับระดับขึ้นไปถึง 3.1 เปอร์เซ็นต์

[Toy]

ผลผลิตจากประเทศเกาหลีใต้ได้เพิ่มขึ้นมา 1.1% ในเดือนกุมภาพันธ์

สถาบันสถิติแห่งประเทศเกาหลีได้ออกมานำเสนอข้อมูลเบื้องต้นไว้ในวันศุกร์ว่า ผลผลิตจากประเทศเกาหลีใต้ได้เพิ่มขึ้นมา 1.1เปอร์เซ็นต์ ในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากที่มีการปรับตัวขึ้นมาจากช่วงเดือนมกราคมที่อยู่ใน 0.9 เปอร์เซ็นต์ (จากเดิมอยู่ใน 1.0เปอร์เซ็นต์) ในช่วงรายปีจะสามารถพบได้ว่า ผลผลิตได้ลดระดับลงไป 6.4เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่มีการปรับตัวขึ้นมาจากช่วงเดือนที่ผ่านมาใน 4.3เปอร์เซ็นต์ (จากเดิมอยู่ใน 4.6เปอร์เซ็นต์) ดัชนีของผลผลิตอุตสาหกรรมทั้งหมดยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในรอบเดือน และกลับลดระดับลงมาใน 0.8เปอร์เซ็นต์ ในรอบปี ดัชนีผลผลิตทางอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์พบว่า ปรับระดับขึ้นมาใน 1.4 เปอร์เซ็นต์ ในรอบเดือนแต่กลับลดระดับลงไป 7.2เปอร์เซ็นต์ ในรอบปี สำหรับดัชนีการขนส่งทางอุตสาหกรรมได้เพิ่มขึ้นมา 0.5เปอร์เซ็นต์ ในรอบเดือนแต่กลับลดระดับลงไป 8.4เปอร์เซ็นต์ ในรอบปี ส่วนดัชนีสินค้าคงเหลือทางอุตสาหกรรม ได้เพิ่มขึ้นมา 1.1เปอร์เซ็นต์ ในรอบเดือน และอีก 8.6เปอร์เซ็นต์ ในรอบปี ดัชนีกำลังการผลิตได้เพิ่มระดับขึ้นมาใน 0.1 เปอร์เซ็นต์ ในรอบเดือนและอีก 0.2เปอร์เซ็นต์ ในรอบปี นอกจากนั้นแล้วดัชนีอัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ ได้เพิ่มขึ้นมา 2.9เปอร์เซ็นต์ ในรอบเดือนแต่กลับลดระดับลงไป 8.1เปอร์เซ็นต์ ในรอบปี อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยทางอุตสาหกรรม ในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ใน 72.3เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเพิ่มขึ้นมา 2.0 จากเดิมในเดือนที่ผ่านมา ดัชนีการบริการ ของเดือนกุมภาพันธ์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในรอบเดือน แต่กลับเพิ่มขึ้นมาใน 2.2เปอร์เซ็นต์ ดัชนีการค้าปลีก ในเดือนกุมภาพันธ์ ได้ปรับตัวขึ้นมาใน 1.0เปอร์เซ็นต์ ในรอบเดือนและอีก 6.3เปอร์เซ็นต์ ในรอบปี ทางด้านดัชนีการลงทุนด้านอุปกรณ์ ได้ปรับตัวขึ้นมาใน 1.3เปอร์เซ็นต์ ในรอบเดือนและอีก 9.7เปอร์เซ็นต์ ในรอบปี ดัชนีการขนส่งเครื่องจักรสำหรับการค้าปลีก ได้ลดระดับลงไป 3.3เปอร์เซ็นต์ ในรอบปี และมูลค่าของคำสั่งซื้อเครื่องจักรในประเทศที่ได้รับมานั้น ได้ลดระดับลงไป 10.9เปอร์เซ็นต์ ในรอบปี ในเดือนกุมภาพันธ์พบว่า มูลค่าการก่อสร้างที่เสร็จสิ้นในราคาคงที ได้ลดระดับลงไป 3.8เปอร์เซ็นต์ ในรอบเดือนแต่กลับปรับตัวขึ้นมาใน 0.9เปอร์เซ็นต์ ในรอบปี สำหรับมูลค่าคำสั่งการก่อสร้างที่ได้รับมาในระดับราคาคงที่ ได้ลดระดับลงไป 38.9เปอร์เซ็นต์ ในรอบปี ดัชนีชี้ฟ้องรวม ในเดือนกุมภาพันธ์ ได้เพิ่มขึ้นมา 0.3เปอร์เซ็นต์ ในรอบเดือน สำหรับวัฏจักรของดัชนีชี้ฟ้องรวมที่จะแสดงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ได้ปรับตัวขึ้นมาใน 0.1 จุดจากเดิมในเดือนที่ผ่านมา ดัชนีชี้นำรวม ของเดือนกุมภาพันธ์ ได้ปรับตัวขึ้นมาใน 0.2เปอร์เซ็นต์ ในรอบเดือน สำหรับวัฏจักรของดัชนีชี้นำรวม ที่จะใช้ในการคาดการณ์ต่อจุดเปลี่ยนในวัฏจักรทางธุรกิจ ได้ลดระดับลงไป 0.2 จุดจากเดือนที่ผ่านมา

[Toy]

สำหรับอัตราการเข้าร่วมอยู่ที่ 60.8เปอร์เซ็นต์

สถาบันสถิติแห่งประเทศเกาหลีได้ออกมานำเสนอข้อมูลเบื้องต้นไว้ในวันศุกร์ว่า ผลผลิตจากประเทศเกาหลีใต้ได้เพิ่มขึ้นมา 1.1เปอร์เซ็นต์ ในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากที่มีการปรับตัวขึ้นมาจากช่วงเดือนมกราคมที่อยู่ใน 0.9 เปอร์เซ็นต์ (จากเดิมอยู่ใน 1.0เปอร์เซ็นต์) ในช่วงรายปีจะสามารถพบได้ว่า ผลผลิตได้ลดระดับลงไป 6.4เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่มีการปรับตัวขึ้นมาจากช่วงเดือนที่ผ่านมาใน 4.3เปอร์เซ็นต์ (จากเดิมอยู่ใน 4.6เปอร์เซ็นต์) ดัชนีของผลผลิตอุตสาหกรรมทั้งหมดยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในรอบเดือน และกลับลดระดับลงมาใน 0.8เปอร์เซ็นต์ ในรอบปี

[Toy]

การเติบโตของปริมาณเงินในประเทศเกาหลีใต้ ได้ลดลงมาเล็กน้อย

อ้างอิงข้อมูลเบื้องต้นจากทางธนาคารแห่งประเทศเกาหลี ที่ได้ออกมานำเสนอข้อมูลในวันอังคารว่า การเติบโตของปริมาณเงินในประเทศเกาหลีใต้ ได้ลดลงมาเล็กน้อย ในช่วงปลายปี ปริมาณเงิน m2 ที่เป็นตัวชี้วัดของปริมาณเงินตามความหมายกว้าง ได้ปรับตัวขึ้นมาในร้อยละ 4.7 ในรอบเดือนตุลาคม แต่ก็ยังอยู่ต่ำกว่าการปรับตัวขึ้นมาของเดือนก่อนหน้านี้ที่ร้อยละ 4.8 ในพื้นฐานรายเดือนพบว่า ปริมาณเงิน m2 ได้เพิ่มขึ้นมาร้อยละ 0.4 ในเดือนธันวาคม หลังจากที่มีการปรับตัวขึ้นมาในเดือนพฤศจิกายนในร้อยละ 0.2 การเติบโตรายปี ในส่วนของสภาพคล่อง ได้ปรับตัวขึ้นมาจนถึงร้อยละ 6.4 ในเดือนธันวาคมจากเดิมในเดือนก่อนหน้านี้ที่ร้อยละ 6.2 สภาพคล่องของสถานบันทางการเงินเอง ก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมากในร้อยละ 6.1 ในรอบปีของเดือนธันวาคม หลังจากทีเดือนพฤศจิกายนมีการปรับตัวขึ้นมาในร้อยละ 5.8

[Toy]

ธนาคารแห่งประเทศเกาหลียังคงใช้อัตราดอกเบี้ยระดับเดิมที่ร้อยละ 1.50

ในวันอังคาร คณะกรรมการนโยบายทางการเงินของธนาคารแห่งประเทศเกาหลี ได้ตัดสินใจใช้อัตราดอกเบี้ยของประเทศในระดับเดิมที่ร้อยละ 1.50 ซึ่งตรงตามการคาดการณ์ โดยการตัดสินใจนั้นมาเป็นอย่างแรก นับตั้งแต่ทางธนาคารได้ทำการปรับอัตราขึ้นมา 25 จุดพื้นฐานในเดือนพฤศจิกายน ที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกของอัตราชี้วัดในรอบ 14 เดือน แล้วยังเป็นการปรับอัตราขึ้นมาครั้งแรกของธนาคารตั้งแต่ปี 2011 อัตราของเงินได้อยู่ที่เดิมมาตั้งแต่เดือนมกราคม ของปีที่ผ่านมา เมื่อคลาดได้ทำการลดอัตราลงไปจากเดิมในร้อยละ 1.50 อัตราเงินเฟ้อที่ยังลดระดับต่ำอยู่ และ การปรับตัวแบบผ่อนคลายเชิงเศรษฐกิจ ได้ช่วยให้ธนาคารกลางยังใช่มาตรการการกระตุ้นทางการเงินระดับเดิม ทางธนาคารได้ระบุอีกว่า "ทางคณะกรรมการได้พิจารณาว่า การเติบโตขึ้นมาของเศรษฐกิจระดับโลกนั้น ยังคงเกิดขึ้นอยู่ สำหรับความผันผวนในตลาดการเงินระดับโลกก็ยังเกิดขึ้นอยู่เสมอ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลก็ปรับตัวขึ้นมา แต่ราคาหุ้นกลับลดลงมาตาม การคาดการณ์ส่วนใหม่ของการปรับระดับนโยบายทางการเงินของหลายๆประเทศ" ราคาผู้บริโภคได้ปรับตัวขึ้นมาในร้อยละ 0.9 ในเดือนมกราคมของปี ซึ่งไม่ตรงกับการคาดการณ์ที่ประเมินไว้ในร้อยละ 1.5 ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากข้อมูลเดิมในเดือนธันวาคม ในพื้นฐานรายเดือนจะพบว่า อัตราเงินเฟ้อได้ปรับตัวขึ้นมาร้อยละ 0.5 ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจากเดิมในเดือนก่อนหน้านี้ที่ร้อยละ0.3 ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ซึ่งไม่คิดรวมกับราคาอาหาร พบว่ามีการปรับตัวขึ้นมาร้อยละ 0.2 ในรอบเดือนและอีกร้อยละ 1.1 ในรอบปี หลังจากที่มีการปรับตัวขึ้นมาในร้อยละ 0.2 ในรอบเดือน และอีกร้อยละ 1.5 ในรอบเดือนในปีก่อนหน้านี้ ราคาผู้ผลิตได้เพิ่มขึ้นมาร้อยละ 1.2 ในเดือนมกราคมของปี ซึ่งลดลงไปจากเดิมในเดือนธันวาคมที่ร้อยละ 2.2 โดยราคาผู้ผลิตในรอบเดือนได้ปรับตัวขึ้นมาร้อยละ 0.4 หลังจากที่ยังอยู่ทีเดิมในเดือนธันวาคม ธนาคารได้รายงานมาว่า "นี้เป็นการคาดการณ์ของอัตราเงินเฟ้อส่วนราคาผู้บริโภค หลังจากที่ได้ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ไปจนถึงระดับกลางที่ร้อยละ 1 ในช่วงหนึ่งไปแล้ว ก็อาจจะปรับตัวขึ้นมาตามลำดับไปหาระดับเป้าหมาย จากช่วงที่สองของปีนี้ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานก็จะปรับตัวขึ้นมาตามลำดับ" ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเกาหลีใต้ ได้ลดลงไปร้อยละ 0.2 ในไตรมาสที่สี่ของปี 2017 ซึ่งไม่ตรงกับการคาดการณ์ที่ประเมินไว้ว่าน่าจะปรับตัวขึ้นมาในร้อยละ 0.5 หลังจากที่มีการเพิ่มขึ้นมาในช่วงสามเดือนก่อนหน้านี้ที่ร้อยละ 1.5 ในพื้นฐานรายปีจะพบว่า ยอด gdp ได้ปรับตัวขึ้นมาในร้อยละ 3.0 ซึ่งไม่ตรงกับการคาดการณ์อีกครั้งในร้อยละ 3.2 และยังลดลงมาจากช่วงสามเดือนก่อนหน้านี้ที่ร้อยละ 3.8 ในช่วงตลอดทั้งปี 2017 นั้นยอด gdp ของประเทศเกาหลีใต้ ได้เพิ่มขึ้นมาร้อยละ 3.1 ธนาคารได้ระบุข้อมูลมาว่า "ทางคณะกรรมการได้คาดว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศจะมีความสอดคล้องกับแนวโน้มที่วางเอาไว้ในเดือนมกราคม โดยคาดว่า การลงทุนอาจจะลดลงไป แต่แนวโน้มของความเสถียรภาพในการบริโภค ก็อาจจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง" อัตราการว่างงานของประเทศเกาหลีใต้ ได้ลดลงไปร้อยละ 3.6 ในเดือนมกราคม จากเดิมในเดือนธันวาคมที่ร้อยละ 3.7 ซึ่งปรับตัวมาจากเดิมในร้อยละ 3.6 ประเทศเกาหลีใต้ ได้นำเสนอส่วนเกินทางการค้าเครื่องจักรใน 3.7พันล้านเหรียญในเดือนมกราคม ที่แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวขึ้นมาติดต่อกันเป็นรอบ 72เดือน การส่งออกได้เพิ่มขึ้นมาร้อยละ 22.2 ในรอบปีที่ 49.21พันล้านเหรียญในเดือนมกราคม ซึ่งเพิ่มขึ้นมาเป็น15 เดือนติดต่อกัน และเพิ่มมากจากช่วงปีก่อนหน้านี้ใน 40.25พันล้านเหรียญ การนำเข้าได้ปรับตัวขึ้นมาในร้อยละ 20.9 ในรอบปีที่ 45.48พันล้านเหรียญ ทางธนาคารได้ออกมากล่าวว่า "ทางคณะกรรมการจะดำเนินนโยบายการเงิน เพื่อให้มั่นใจว่ามี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและอัตราเงินเฟ้อราคาผู้บริโภคสามารถปรับตัว ได้ในระดับเป้าหมายในระยะปานกลาง โดยให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเงิน"

[PatCKY.CH24]

ล่าสุดทางด้านธนาคารได้ออกมาเตือนประชาชนเกี่ยวกับ การใช้เงินดิจิตอลในประเทศเกาหลีใต้ เพราะว่าอาจจะเกิดผลกระทบที่เรียกกันว่า กิมจิมโบนัส ซึ่งมันคือความแตกต่างหรือการคลาดเคลื่อนของราคาเงินดิจิตอลในตลาดแลกเปลี่ยนของ ภายในประเทศ และในต่างประเทศนั้นเอง ซึ่งมันอาจจะส่งผลถึงแรงจูงใจในการทำธุรกรรมต่างๆได้ แต่ทางการก็คาดกันว่าจะออกมาร่วมมือกันสร้างกฎระเบียบควบคุมในประเด็นนี้กัน

[Toy]

ยอด gdp ของประเทศเกาหลีใต้ ได้ปรับตัวขึ้นมา 1.1% ในไตรมาสที่หนึ่ง

ธนาคารแห่งประเทศเกาหลีได้ออกมานำเสนอข้อมูลเบื้องต้นในวันพฤหัสบดีว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของประเทศเกาหลีใต้ ได้ปรับตัวขึ้นมา 1.1 เปอร์เซ็นต์ ในไตรมาสแรกของปี 2018 หลังจากที่มีการปรับตัวลงไปถึง 0.2 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ทางด้านค่าใช้จ่ายจะพบได้ว่า การบริโภคของภาคเอกชนได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นมา 0.6เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับสินค้าคงทนที่ปรับตัวขึ้นมา สำหรับการบริโภคของรัฐบาลเองก็เพิ่มขึ้นมา 2.5 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมีการขยายตัวเกิดขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการรักษาสุขภาพ การลงทุนในการก่อสร้างได้ปรับตัวขึ้นมา 2.8เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่การลงทุนในการก่อสร้างอาคารได้เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย ส่วนการลงทุนในส่วนของสาธารณูปโภค ได้ปรับตัวขึ้นมา 5.2 เปอร์เซ็นต์ ที่เกิดขึ้นมาจากการลงทุนในส่วนของเครื่องจักร และอุปกรณ์การคมนาคม การส่งออกได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นมา 4.4 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับที่มีการเพิ่มขึ้นมาในส่วนของการส่งออกของ ผลิตภัณฑ์เคมี, เครื่องจักร และอุปกรณ์ ส่วนการนำเข้าเองก็ปรับตัวขึ้นมา 5.5 เปอร์เซ็นต์ โดยเกิดมาจากการขยายตัวในการนำเข้าของก๊าซธรรมชาติ,เครื่องจักร และอุปกรณ์ ทางด้านการผลิต, การเกษตร, การป่าไม้ และด้านการประมง ได้ปรับตัวขึ้นมา 6.5 เปอร์เซ็นต์ ที่มาพร้อมกับด้านผลผลิตในส่วนของการปศุสัตว์และการประมง การผลิตได้ปรับตัวขึ้นมา 1.9 เปอร์เซ็นต์ ที่มาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของผลผลิตในส่วนของเครื่องจักร และอุปกรณ์ ด้านการผลิตไฟฟ้า, ก๊าซ และน้ำ ได้ลดระดับลงไป 5.5 เปอร์เซ็นต์ โดยหลักแล้วเกิดจากการลดระดบัลงไปจากการผลิตกระแสไฟฟ้า การก่อสร้างได้ขยายตัวเกิดขึ้นมา 3.3 เปอร์เซ็นต์ โดยที่มีการเพิ่มขึ้นของ การก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัย และอาคารที่ไม่ได้ใช้สำหรับเป็นที่อยู่อาศัย ด้านการบริการได้เพิ่มขึ้นมา 3.3เปอร์เซ็นต์ ทีเกิดมาจากการเติบโตในส่วนของอสังหาริมทรัพย์, การเช่า, ด้านวัฒนธรรม และการบริหารอื่นๆ ที่ได้ไปหักลบไปกับ การลดระดับลงไปของยอดการค้าส่งและค้าปลีก รวมทั้งในร้านอาหารและโรงแรม ในช่วงรายปีจะพบได้ว่า ยอด gdp ได้ปรับตัวขึ้นมา 2.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งยังทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกันกับในรอบสามเดือนที่ผ่านมา รายได้มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริงได้ปรับตัวขึ้นมา 1.8 เปอร์เซ็นต์ ประจำไตรมาส และอีก 2.2เปอร์เซ็นต์ ในรอบปี

[Toy]

การปรับตัวลงของตลาดหุ้นยังส่งผลต่อหุ้นในประเทศเกาหลีใต้

ตลาดหุ้นในประเทศเกาหลีใต้ยังคงมีการปรับตัวลดระดับลงมาสามเซสชั่นติดต่อกัน ซึ่งลดลงมามากกว่า 20 จุด หรือคิดเป็น 0.9 เปอร์เซ็นต์ สำหรับดัชนี KOSPI ในตอนนี้ก็ได้อยู่ต่ำกว่าแนว 2,465 จุด และยังมีการเปิดช่องทางไปหาพื้นที่สีแดงอีกครั้งในวันพุธ การคาดการณ์ในระดับโลกสำหรับตลาดเอเชียนั้นค่อนข้างไม่แข็งแรง เนื่องจากผลการประกอบการที่ไม่ค่อยดีนัก และ การปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบนั้นเอง สำหรับตลาดยุโรปเองก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาก็มีการปรับตัวลดลงไปอย่างมาก แต่พบว่า อัตราในตลาดเอเชียกลับมีการขึ้นนำมากกว่า ดัชนี KOSPI ได้ปรับตัวลงไปในวันอังคาร เนื่องจากการขาดทุนที่เกิดขึ้นในหุ้นของเทคโนโลยี ที่ได้เกิดจากการดำเนินการของภาคการเงิน และผู้ผลิตรถยนต์ ในวันนี้ ดัชนีได้ลดระดับลงไป 9.97 จุดหรือคิดเป็น 0.40 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนที่ 2,464.14 หลังจากที่มีการซื้อขายอยู่ระหว่าง 2,454.44 และ 2,479.32 ส่วนปริมาณก็อยู่ที่ 519.4ล้านหุ้นที่คิดเป็นมูลค่าถึง 8.1ล้านล้านวอน แล้วยังมีผู้ทำกำไรได้ถึง 453 คน ส่วนผู้ขาดทุนอีก 359 คน ในส่วนของหุ้นที่มีการปรับตัวนั้น ทางด้าน Samsung Electronics ลดระดับลงไป 2.77 เปอร์เซ็นต์ ส่วน LG Electronics ก็ลดระดับลงไป 2.39 เปอร์เซ็นต์, SK hynix ลดระดับลงไป 2.73เปอร์เซ็นต์, Shinhan Financial ปรับตัวขึ้นมา 1.74 เปอร์เซ็นต์, Woori Bank ปรับตัวขึ้นมา 1.58 เปอร์เซ็นต์, POSCO ปรับตัวขึ้นมา 1.14 เปอร์เซ็นต์, Hyundai Steel ลดระดับลงไป 0.18 เปอร์เซ็นต์, Hyundai Motor ปรับตัวขึ้นมา 1.88 เปอร์เซ็นต์, Kia Motors ปรับตัวขึ้นมา 0.16 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่ขึ้นนำในตลาดวอลสตรีตกลับยังอยู่ในแดนลบ เนื่องจากหุ้นไม่สามารถรักษาระดับการเคลื่อนตัวขึ้นไปได้ และยังเคลื่อนตัวลงมาอย่างมากในวันอังคาร ดัชนีดาวโจนส์ ได้ลดระดับลงมา 424.56 จุด หรือคิดเป็น 1.74 เปอร์เซ็นต์ ใน 24,024.13 ระหว่างที่ทางด้าน NASDAQ ได้ลดระดับลงมา 121.25 จุด หรือ 1.70เปอร์เซ็นต์ ใน 7,007.35 และดัชนี S&P ได้ลดระดับลงมา 35.73 จุดหรือ 1.34เปอร์เซ็นต์ ใน 2,634.56 การทยอยขายออกไปในตลาดวอลสตรีทเกิดขึ้น หลังจากที่เทรดเดอร์ได้รับชมข้อมูลการรายงานผลประกอบการที่ไม่ค่อยสร้างผลกระทบเท่าไหร่ จากทางบริษัทชื่อดังหลายแห่ง อย่างเช่น 3M Corp. (MMM), Caterpillar (CAT), Alphabet (GOOGL), Travelers (TRV) และ Coca-Cola (KO) แนวโน้มการขายได้เกิดขึ้นมาจาก การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอเมริกา โดยที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีได้สูงกว่า 3 เปอร์เซ็นต์จากครั้งแรกในปี 2014 ที่ผ่านมา ทางด้านเศรษฐกิจจะพบได้ว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมากล่าวว่า มีการเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ได้ประเมินไว้ในส่วนของ ยอดการขายบ้านหลังใหม่ในเดือนมีนาคม นอกจากนั้นแล้วทางด้าน Conference Board เองก็ออกมาระบุถึง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ได้ปรับตัวขึ้นมาในเดือนเมษายน สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าได้ปรับตัวในวันอังคาร ซึ่งยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นไปหาระดับสูงในรอบ 4 ปีได้ ซึ่งมาจากการขายเพื่อทำกำไร และ การต่อต้านจากอิหร่านสำหรับการลดระดับกรผลิต ส่วนทางด้านผู้ผลิตน้ำมันดิบคุณภาพสูงอย่าง WTI ก็มีอัตราที่ลดระดับลงไป 80 เซ็นต์ใน $67.86