สภาวะเศรษฐกิจและการเมืองทั่วไปของสหรัฐอเมริกา

[Pipat]

สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากที่เงินดอลลาร์ร่วงลงไป

สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ปรับตัวขึ้นมาสูงกว่าเดิมในวันศุกร์ ซึ่งปรับตัวขึ้นมาหลังจากที่มีการขาดทุนครั้งเดียวที่มากที่สุด ในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมาในเซสชั่นก้อนหน้านี้ โดยเงินดอลลาร์สหรัญ ยังคงส่งผลให้ทองคำมีการปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อย ผลประกอบที่ดีจากทาง JP Morgan Chase และ Wells Fargo และ บริษัทชั้นนำอื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา และการมองโลกในแง่ดีที่ปรับตัวขึ้นมา ที่เกี่ยวกับ ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและ ประเทศจีน ได้ช่วยให้นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะหันมาลงทุนในหุ้นและ มันยังจำกัดการปรับตัวขึ้นของทองคำแท่งอีกด้วย ดัชนีดอลลาร์ ลดลงไปมากกว่า 0.2% ไปเป็น 96.55 สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ในเดือนมิถุนายน ปิดตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.90 ดอลลาร์หรือ 0.2% ที่ระดับ 1,295.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในวันพฤหัสบดีพบว่า สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ในเดือนมิถุนายน ปิดตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 20.60 ดอลลาร์หรือคิดเป็น 1.6% ที่ระดับ 1,293.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นอกจากนั้น สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ยังลดการขาดทุนที่เกิดขึ้นมาประมาณ 0.40 ดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ สัญญาซื้อขายเงินล่วงหน้า ของเดือนพฤษภาคม ปิดตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.096 ดอลลาร์ อยู่ที่ 14.963 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่สัญญาซื้อขายทองแดงล่วงหน้า ในเดือนพฤษภาคมอยู่ในระดับที่ 2.9460 ดอลลาร์ต่อปอนด์ โดยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.0590 ดอลลาร์ การรายงาน จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ยังแสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ลดลงไปมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายน การรายงานเบื้องต้น แสดงให้เห็นว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ได้ลดลงไปอยู่ที่ระดับ 96.9 ในเดือนเมษายน จากข้อมูลฉบับสุดท้ายของเดือนมีนาคมที่อยู่ในระดับ 98.4 สำหรับนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ดัชนีจะปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ระดับ 98.0 การลดลงที่มากกว่าที่คาดไว้ที่เกิดขึ้นในดัชนีโดยทั่วไปนั้น แสดงให้เห็นถึง การมองโลกในแง่ดีที่น้อยลง เกี่ยวกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจาก ดัชนีการคาดการณ์ของผู้บริโภค ที่ลดลงไปสู่ระดับที่ 85.8 ในเดือนเมษายน จากเดิมที่อยู่ในระดับที่ 88.8 ในเดือนมีนาคม ในทางตรงกันข้ามมีการรายงานที่กล่าวว่า ดัชนีภาวะทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ปรับตัวขึ้นมาในระดับที่ 114.2 ในเดือนเมษายนจากเดิมที่ระดับ 113.3 ในเดือนก่อนหน้านี้ สำหรับการรายงานข่าวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในวันนี้จะพบได้ว่า จะมีการนำเสนอข้อมูลจากกระทรวงแรงงาน ที่แสดงให้เห็นว่า ราคานำเข้าของสหรัฐอเมริกา ได้เพิ่มขึ้นมา มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมีนาคม เนื่องจากราคานำเข้าเชื้อเพลิงพุ่งสูงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง การรายงานกล่าวว่า ราคานำเข้าได้เพิ่มขึ้นมาในระดับที่ 0.6% ในเดือนมีนาคม หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1% ในเดือนกุมภาพันธ์ นักเศรษฐศาสตร์ คาดการณ์ว่า ราคาจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.4% เมื่อเปรียบเทียบกับการเพิ่มขึ้นจากแต่เดิมที่ขึ้นมาอยู่ที่ 0.6% ตามการรายงานของเดือนก่อนหน้านี้ ข้อมูลการค้าของประเทศจีน ที่เปิดเผยออกมาในวันนี้ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ยังเป็นแบบผสม โดยการส่งออก ดีดตัวกลับมาในระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน ในขณะที่ การนำเข้า ลดลงไปมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า การส่งออกของประเทศจีน เพิ่มขึ้นมาเท่ากับ 14.2% ในเดือนมีนาคม ของปีก่อนหน้านี้ ที่ตรงตามตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์และ ได้แสดงการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบห้าเดือนอีกด้วย การนำเข้าลดลงไปเท่ากับ 7.6% ต่อปี ซึ่งน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ที่ประเมินไว้ว่าจะอยู่ในระดับที่ 1.3% และขยับขยายตัวจากการปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 5.2% ในเดือนกุมภาพันธ์

[Pipat]

เงินดอลลาร์ปรับตัวลงไปในระดับต่ำในรอบสองสัปดาห์

เงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ ภายในวันศุกร์ ระหว่างที่มีสัญญาณเพิ่มขึ้นมาว่า ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา จะยังคงใช้อัตราดอกเบี้ยเหมือนเดิมต่อไปภายในปีนี้ เงินดอลลาร์ อ่อนค่าลงไป ถึงแม้ว่า จะมีการเพิ่มขึ้นในส่วนของดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีเงินดอลลาร์ ทิ้งตัวลงไปในระดับต่ำที่ระดับ 96.75 ในช่วงตอนเที่ยง ถึงแม้ว่าจะมีการฟื้นตัวขึ้นไปที่ระดับ 96.95 ในภายหลัง แต่มันก็ยังคงอยู่ในช่วงระดับที่ต่ำกว่า ระดับที่ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งสูญเสียไป 0.2% สกุลเงินยูโร มีการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 1.1298 ดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นมาในระดับที่ 0.4% จากระดับที่ 1.1254 ดอลลาร์ โดยที่เงินยูโร จะแข็งค่าขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดที่ระดับ 1.1327 ดอลลาร์ ในช่วงเดียว เงินดอลลาร์ อ่อนค่าลงไป เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ อีกด้วย หลังจากที่มีการอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 1.3132 ดอลลาร์ แล้วมันก็ยังย้อนกลับมาอยู่ที่ระดับ 1.3071 ดอลลาร์ แต่มันก็ยังค่อนข้างอยู่ห่างจากระดับที่ 1.3049 ดอลลาร์ของวันพฤหัสบดี เงินดอลลาร์ การแข็งค่าขึ้นมา เมื่อเทียบกับเงินเยน พร้อมกับที่ไปอยู่ในระดับที่ 112 เยน ซึ่งทมากกว่าระดับสูงในรอบหนึ่งเดือน สำหรับการรายงานข่าวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในวันนี้จะพบได้ว่า จะมีการนำเสนอข้อมูลจากกระทรวงแรงงาน ที่แสดงให้เห็นว่า ราคานำเข้าของสหรัฐอเมริกา ได้เพิ่มขึ้นมา มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมีนาคม เนื่องจากราคานำเข้าเชื้อเพลิงพุ่งสูงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง การรายงานกล่าวว่า ราคานำเข้าได้เพิ่มขึ้นมาในระดับที่ 0.6% ในเดือนมีนาคม หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1% ในเดือนกุมภาพันธ์ นักเศรษฐศาสตร์ คาดการณ์ว่า ราคาจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.4% เมื่อเปรียบเทียบกับการเพิ่มขึ้นจากแต่เดิมที่ขึ้นมาอยู่ที่ 0.6% ตามการรายงานของเดือนก่อนหน้านี้ การรายงาน จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ยังแสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ลดลงไปมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายน การรายงานเบื้องต้น แสดงให้เห็นว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ได้ลดลงไปอยู่ที่ระดับ 96.9 ในเดือนเมษายน จากข้อมูลฉบับสุดท้ายของเดือนมีนาคมที่อยู่ในระดับ 98.4 สำหรับนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ดัชนีจะปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ระดับ 98.0 การลดลงที่มากกว่าที่คาดไว้ที่เกิดขึ้นในดัชนีโดยทั่วไปนั้น แสดงให้เห็นถึง การมองโลกในแง่ดีที่น้อยลง เกี่ยวกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจาก ดัชนีการคาดการณ์ของผู้บริโภค ที่ลดลงไปสู่ระดับที่ 85.8 ในเดือนเมษายน จากเดิมที่อยู่ในระดับที่ 88.8 ในเดือนมีนาคม ในทางตรงกันข้ามมีการรายงานที่กล่าวว่า ดัชนีภาวะทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ปรับตัวขึ้นมาในระดับที่ 114.2 ในเดือนเมษายนจากเดิมที่ระดับ 113.3 ในเดือนก่อนหน้านี้

[Yellowjixn]

ทาง Morgan Stanley ได้คาดการณ์ว่า เงินดอลลาร์สหรัฐมาถึงแนวโน้มขาลง เนื่องด้วยการชะลอตัวของวัฎจักรเศรษฐกิจ, แนวโน้มการตั้งนโยบายการกีดกันทางการค้า, มาตรการทางการเงิน นอกจากนั้นยังมีสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน มีแนวโน้มที่ดีขึ้น แล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะมีการปรับอัตราภาษีลงไปในอนาคตข้างหน้าอีกด้วย มันจึงทำให้ตลาดในสหรัฐอเมริกา มีความเสี่ยงเพิ่มมากยิ่งขึ้น พร้อมกับหนี้สินของประเทศ

[PatCKY.CH24]

นักลงทุนในอเมริกาหลายคนในตอนนี้กำลังจับตามองดูเงินรูเบิล เพราะว่ามีการฟื้นตัวขึ้นมาของเศรษฐกิจในรัสเซีย แล้วยังพบว่ามีจำนวนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในคู่สกุลเงินรูเบิลและรัสเซียอีกด้วย รวมทั้งสกุลเงินรูเบิลได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกาผ่านทางนโยบายทางการเงินอีกด้วย

[PatCKY.CH24]

มีการกล่าวหาของนาย Nicolas Maduro ต่อนายทรัมป์ เกี่ยวกับการปันเงินส่วนของภาคยาการการรักษาออกไป ซึ่งเขาได้สร้างปัญหาให้กับประเทศเวเนซุเอลาจนเกินสงครามการเมือง จนกระทั้งเขาอาจจะทำให้เกิดปัญหาในภาคอุตสาหกรรมยาอีกด้วยหากเขาทำเช่นนี้

[Yellowjixn]

จากความไม่แน่นอนและอ่อนแอในเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา อาจจะส่งผลต่อผลกำไรของบริษัท, การลดลงของการผลิตในภาคอุตสาหกรรม, ความผันผวนในพันธบัตรรัฐบาล โดยได้มีการลดลงของการคาดการณ์ต่อผลกำไรในไตรมาสแรกกันแล้ว

[Yellowjixn]

สหรัฐอเมริกามีการเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศไปเป็นอย่างมาก จนผู้เชี่ยวชาญบางคนเริ่มกลัวว่า มันอาจจะทำให้ล้มละลายได้ เพราะว่าทางสหรัฐอเมริกาได้มีค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้จากภาษีที่หามาได้ เลยอาจจะต้องทำการกู้เงินจากประเทศอื่นเพื่อมาสร้างความเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจอีกก็เป็นไปได้

[Pipat]

ตัวเลขการเทขายหุ้นและพันบัตรสหรัฐฯ อาจนำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed

ดูเหมือนว่า การเทขายหุ้นและพันธบัตรของสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 4 สามารถทำนายถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำ พร้อมกับความน่าจะเป็นในการเปลี่ยนแปลงของ Fed นั้นอาจจะช่วยอธิบายได้ว่า ทำไม ผู้สังเกตการณ์ในตลาดบางรายถึงได้ คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

Matthew Hornbach หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์อัตราดอกเบี้ยของ Morgan Stanley กล่าวในรายงานเมื่อวันจันทร์ว่านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารของเขายังคงคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม

ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังแย้งว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นก็เหมาะสมกับกรอบการทำงานของ Fed อย่างไรก็ดี ข้อมูลเศรษฐกิจยังคงน่าผิดหวังอย่างต่อเนื่อง และการผกผันของอัตราตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ที่ยืดเยื้อเกินกว่าการประชุมของ Fed กลางเดือน มิถุนายนนี้

“ยิ่งการลดราคาตลาดผ่อนคลายลงนานเท่าไหร่ โอกาสที่ตลาดจะบอกถึงนโยบายที่ตึงตัวก็จะมากขึ้นเท่านั้น” Krishna Guha หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ธนาคารกลางของ Evercore ISI เขียนในบันทึกย่อเมื่อวันอังคาร โดยเจาะลึกถึงสถานการณ์ที่จะนำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ย “หาก Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า มันอาจส่งสัญญาณอย่างน้อย 1 เปอร์เซ็นต์ของการตัด ที่จุดเริ่มต้นและอาจเคลื่อนที่ค่อนข้างเร็ว”

“น่าสังเกตว่าตั้งแต่ Fed เริ่มเผยแพร่ข้อมูลสำหรับเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยในปี 1971พวกเขาไม่เคยลดอัตราดอกเบี้ยเลย เริ่มวงจรการผ่อนคลายโดย ตัวเลขการว่างงาน ที่อ้างว่าต่ำลงนี้” Cameron Crise นักยุทธศาสตร์มาโคร ผู้เขียนของBloomberg เขียนไว้เมื่อวันอังคาร

ในด้านของ Guha ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำงานที่New York Fed มองว่ามาตรการเดียวที่ดีที่สุดของการชะลอตัว ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ อาจเป็นค่าเฉลี่ยสามเดือนของการเปลี่ยนแปลงเงินเดือนกับอัตราการจ้างงานระยะยาว เขาคาดว่าอาจจะอยู่ที่ 80,000 ถึง 120,000 หรือ 120,000 ถึง 140,000 ในกรณีของอัตราการมีส่วนร่วมกำลังแรงงานของสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้นตามวัฏจักร ซึ่งค่าเฉลี่ยสามเดือนคือ 186,000

ด้านเจ้าหน้าที่ของ Fed ได้คาดการณ์ว่า อัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในอีกสองปีข้างหน้า ขณะเดียวกันก็คาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2563 และไม่มีผู้คาดการณ์ใดมองว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ที่มา: https://www.thinvest.in.th/%E0%B8%82...%E0%B8%B1.html

[PatCKY.CH24]

นายทรัมป์ไม่สามารถควบคุมเงินดอลลาร์สหรัฐได้อีกต่อไป ไม่ว่าเขาจะทำการทวิตข้อความออกมา หรือการออกมาแถลงการณ์ต่างๆ แต่เงินดอลลาร์กลับปรับตัวไปอยู่ในระดับสูงสุด แต่มันกลับเป็นโอกาสของนักลงทุนที่จะมาลงทุนในสินทรัพย์เงินดอลลาร์ เพราะจะได้ผลตอบแทนจากส่วนต่างออกมามากกว่าเดิม

[Pipat]

เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ยังคงอ่อนค่าลงไป ในช่วงเซสชั่นของวันจันทร์ เนื่องจากสกุลเงินที่สำคัญอื่นๆ ส่วนใหญ่ ฟื้นตัวขึ้นมาจากช่วงขาดทุน ที่เกิดขึ้นในช่วงเซสชั่นก่อนหน้านี้ ดัชนีเงินดอลลาร์ ซึ่งปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำที่ 96.41 ในช่วงตอนเที่ยง หลังจากที่ปรับตัวขึ้นไปยังระดับที่ 96.68 ในช่วงแรก ซึ่งได้ฟื้นตัวขึ้นไปสู่ระดับที่ 96.52 ในเวลาต่อมา แต่ก็ยังคงมีการเคลื่อนตัวอยู่ในช่วงตำแหน่งการปิดในช่วงก่อนหน้านี้ประมาณ 0.1% เงินดอลลาร์ อ่อนค่าลงมาที่ระดับ 1.1315 เมื่อเทียบกับเงินยูโร ซึ่งลดลงไปเล็กน้อย จากตำแหน่งการปิดล่าสุด โดยเงินยูโร ซึ่งเริ่มแข็งค่าขึ้นมา เมื่อวันศุกร์ จากข้อมูลทางเศรษฐกิจของยูโรโซนที่อ่อนตัวลงไป ก็ได้ขยับตัวขึ้นสูงขึ้น ในวันนี้ หลังจากที่ประเทศเยอรมนีออกมารายงานถึง ความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้นมาในเดือนมีนาคมอย่างไม่ทันคาดการณ์ไว้ ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของประเทศเยอรมนี ปรับตัวดีขึ้น ในเดือนมีนาคม หลังจากที่ลดลงไปในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากภาคธุรกิจมีมุมมองที่ดี เกี่ยวกับอนาคตและความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจ ที่มาจากผลการสำรวจที่สำคัญ ที่ได้นำเสนอออกมาในวันจันทร์ อ้างอิงข้อมูลจากสถาบัน Ifo ของมิวนิคที่นำเสนอออกมาว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจจาก ifo เพิ่มขึ้นมาเป็น 99.6 จากเดิมที่อยู่ใน 98.7 ที่ปรับตัวใหม่ ในเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่า ข้อมูลจะไม่เปลี่ยนแปลง จากยอดเดิมของเดือนกุมภาพันธ์ที่ระดับ 98.5 ดัชนีจาก ifo เพิ่มขึ้นมาเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2018 “ บริษัทหลายแห่งค่อนข้างพอใจกับสถานการณ์ทางธุรกิจในปัจจุบันของพวกเขา และพวกเขามีมุมมองที่ดีต่อธุรกิจ ในอีกหกเดือนข้างหน้าอีกด้วย” คุณ Clemens Fuest ประธาน จากสถาบัน ifo กล่าวไว้อีกว่า "เศรษฐกิจของประเทศเยอรมันแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่น" มาตรการของการคาดการณ์ในการสำรวจ ปรับตัวขึ้นมาเป็น 95.6 จากเดิมที่อยู่ใน 93.8 ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะมีอัตราอยู่ที่ 94 ดัชนีการประเมินในปัจจุบัน ปรับตัวขึ้นมาเป็น 103.8 จากเดิมที่อยู่ใน 103.4 ในเดือนกุมภาพันธ์ ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ดัชนีจะปรับตัวลงไปสู่ระดับที่ 102.9 ในขณะเดียวกัน ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า การผลิตของประเทศเยอรมนี ยังไม่ผ่านพ้นวิกฤต ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กิจกรรมในภาคยานยนต์ ยังไม่ได้รับแรงกระตุ้นเท่าที่ควร ความเชื่อมั่นของภาคโรงงาน ลดลงไปอีกครั้งและ การคาดการณ์ก็ลดอ่อนแอลง ซึ่งร่วงลงไปยังระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี2012 เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงไปเล็กน้อย เทียบกับเงินเยนของประเทศญี่ปุ่น โดยมีหน่วยเงินต่อเงินดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ระดับ 109.96 เยน เงินปอนด์ของประเทศอังกฤษ ลดลงไปเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3193 สำหรับการดำเนินการด้าน Brexit พบว่า สหภาพยุโรปได้เสนอให้ยืดระยะเวลาในการถอนตัวของสหราชอาณาจักรอังกฤษออกไปก่อน แต่มันยังคงต้องรอดูว่า ถ้าหากข้อตกลงด้าน Brexit ของนายกรัฐมนตรี Theresa May จะได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายนิติบัญญัติหรือไม่ คุณ May บอกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้ว่า ตัวเลือกทั้งหมดของ Brexit จำเป็นต้องมี การย้อนกลับไปยังสหภาพยุโรปและ การขอให้ขยายระยะเวลาออกไปเพิ่มเติม นอกเหนือจากการถอนตัวโดยไม่มีข้อตกลงแล้ว ตามที่เธอได้จัดการไว้ เธอยังกล่าวอีกว่า "ทางเลือกอื่นก็คือ การหา Brexit ในรูปแบบที่แตกต่างจากเดิมหรือการลงประชามติครั้งที่สอง" สภายุโรปออกมารายงานว่า จะเปิดให้พิจารณาแผนการอื่นสำหรับ Brexit ถ้าหากข้อตกลงของคุณ May ยังไม่ผ่านไปในวันที่ 12 เดือนเมษายน เงินฟรังก์และ เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย ลดลงไปต่ำกว่าระดับที่ 0.06% และ 0.01% ตามลำดับ โดยสำหรับเงินดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นมาเท่ากับ 0.04% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์แคนาดา