อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งประเทศนิวซีแลนด์ที่ได้ออกมานำเสนอข้อมูลในวันพุธว่า อัตราการว่างงานของประเทศนิวซีแลนด์ ได้ลดลงมาอยู่ในร้อยละ 4.5 ในไตรมาสที่สี่ของปี 2017 ซึ่งตรงกับการคาดการณ์ที่ได้ระบุไว้ในร้อยละ 4.7 หลังจากที่อยู่ในร้อยละ 4.6 ในช่วงสามเดือนก่อนหน้านี้ การจ้างงานได้ปรับตัวขึ้นมาถึงร้อยละ 0.5 ในไตรมาสและอีกร้อยละ 3.7 ในรอบปี โดยทั้งคู่นั้นขยับตัวไปมากกว่าการคาดการณ์ที่ประเมินไว้ว่าน่าจะปรับตัวขึ้นมาในร้อยละ 0.4 ต่อไตรมาสและอีกร้อยละ 3.6 ในรอบปี หลังจากที่มีการปรับตัวจึ้นมาในรอบไตรมาสเท่ากับร้อยละ 2.2 และอีกร้อยละ 4.2 ต่อปี ภายในไตรมาสที่สาม การเเติบโตของการจ้างงานในช่วงใกล้ไตรมาสแรกนั้นอยู่ในช่วงอายุ 25-29 ปี ส่วนหนึ่งในห้านั้นจะมาจากช่วงอายุ 30-34 ปี ในรอบหนึ่งปีพบว่า การเติบโตด้านการจ้างงาน ซึ่งมาจากการสำรวจจากผลสำรวตแรงงานของภาคครัวเรือน ได้อยู่ในระดับสูงที่สุดโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการบริการทางเทคนิค, เชิงวิทยาศาสตร์ , ทางผู้เชี่ยวชาญ, การบริหาร และการสนับสนุน จากทาง Wellington โดยส่วนใหญ่แล้วมาจากนักสถาปนิค, วิศวกร และช่างเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อัตราการเข้าร่วมอยู่ในร้อยละ 71.0 ซึ่งตรงกับการคาดการณ์ที่ประเมินไว้ และมีการลดลงมาจาก 71.1 ในรอบสามเดือนที่ผ่านมา "อัตราการว่างงานของไตรมาสนี้ อยู่ในระดับที่น้อยที่สุด นับตั้งแต่ช่วงไตรมาสในเดือนธันวาคมปี 2008 ที่เคยอยู่ในร้อยละ 4.4" ตามการรายงานของผู้จัดการอาวุโสด้านสถิติภาคครัวเรือนและตลาดแรงงาน คุณ Jason Attewell เขายังระบุอีกว่า "แต่ถึงอย่างไรก็ตาม อัตราการใช้ประโยชน์ที่ไม่ครบ นั้นก็มากกว่าร้อยละ 12 ซึ่งคิดเป็นชาวนิวซีแลนด์ถึง 340,000 คน สำหรับตัวชี้วัดนี้มีความสำคัญพอๆกับอัตราการว่างงาน" อัตรากาว่างงานของเดือนธันวาคมปี 2017 นั้นยังคงอยู่สูงกว่า อัตราการว่างงานในระดับที่น้อยที่สุดของประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งอยู่ในร้อยละ 3.3 เมื่อเทียบกับช่วงสิบปีที่ผ่านมา ในช่วงเดือนธันวาคมปี 2007 ก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤติการณ์ทางการเงิน ในช่วงเดือนธันวาคมปี 2017นั้น อัตราการว่างงานสำหรับผู้ชายนั้นอยู่ในร้อยละ 4.0 หลังตากที่มีการปรับข้อมูลในไตรมาสครั้งล่าสุด หากนำาเปรียบเทียบแล้วจะพบว่า อัตราการว่างงานของผู้หญิงได้ลดลงไปร้อยละ 5.0 ซึ่งลดลงมาจากเดิมในไตรมาสก่อนหน้านี้ที่ร้อยละ 5.3 ในช่วงเดือนธันวาคมปี 2017นั้น พบว่าอัตราการใช้ประโยชน์ที่ไม่ครบ นั้นเพิ่มขึ้นมาถึงร้อยละ 12.1 ซึ่งปรับตัวมาจากเดิมในไตรมาสก่อนหน้านี้ที่ร้อยละ 12.0 และยังลดงมาจากปีก่อนหน้านี้ที่ร้อยละ 12.4 อัตราการใช้ประโยชน์ที่ไม่ครบ เป็นตัวชี้วัดความสามารถในการจัดหาแรงงานและความต้องการที่ไม่จำเป็นสำหรับการทำงาน "สำหรับอัตราการใช้ประโยชน์ที่ไม่ครบ เป็นตัวบ่งชี้ที่กว้างกว่าอัตราการว่างงาน เพราะว่านอกจากอัตราการว่างงานแล้ว ยังรวมทั้งผ้คนที่ได้ถูกจ้างงานแต่ต้องการทำงานเพิ่ม" โดยคุณ Attewell ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า "ตัวอย่างเช่น นักศึกษาในมหาลัยมองหางานที่ตรงกับสายการเรียน หรือพ่อแม่ที่กำลังมองหาโอกาสที่จะกลับเข้าไปทำงานเพิ่ม" อัตราการจ้างงานนั้นยังทรงตัวอยู่ในร้อยละ 67.8 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงเท่ากับช่วงเริ่มต้นในปี 1986 เนื่องจากอัตราการจ้างงานยังคงรักษาแนวโน้มของการขยายตัวเท่ากับช่วงอายุของประชากร โดยที่ผู้หญิงยังอยู่ในระดับสูงที่สุดของการจ้างงานถึง 62.4เปอร์เซ็นต์ การเติบโตของค่าจ้างในภาคเอกชนได้เพิ่มขึ้นมาในร้อยละ 0.4 ในไตรมาสที่สี่ ส่วนค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงนั้นเพิ่มขึ้นมาในร้อยละ 0.8

Name:  flag_of_new_zealand.svg_.png
Views: 30
Size:  6.0 KB