การบริหารเงินอย่างชาญฉลาดคืออะไร?
การจัดการเงินอย่างชาญฉลาดสามารถคำนวณได้จากเปอร์เซ็นต์ของเงินทุนที่ถืออยู่ดังนั้นการคำนวณความเสี่ยงของการสูญเสียจึงอยู่ที่จุดเริ่มต้นเสมอไม่ใช่จุดจบหลังจากการซื้อขายในตลาด ตัวอย่างเช่น การใช้ความเสี่ยงต่อธุรกรรม 2% โดยมีเงินทุน 500 ดอลลาร์ซึ่งหมายความว่าในการทำธุรกรรมหนึ่งความเสี่ยงคือ 2% x 500 ดอลลาร์ซึ่งเท่ากับ 10 ดอลลาร์จากมูลค่า 10 ดอลลาร์ซึ่งจะหารด้วย ระยะทางกี่ pip ในการหยุดการสูญเสีย และในการประยุกต์ใช้การจัดการเงินจะกลับไปสู่รูปแบบการซื้อขายของผู้ซื้อขายแต่ละรายเนื่องจากมีความแตกต่างกันในวิธีที่ผู้ค้าใช้การจัดการเงินในการซื้อขาย
Defensive = Money Management - การบริหารความเสี่ยง
ตามที่ได้อธิบายไว้ก่อนหน้านี้ผู้ซื้อขายเน้นความเสี่ยงของการสูญเสียในตอนเริ่มต้นแทนที่จะเป็นในตอนท้ายซึ่งผู้ซื้อขายจะคำนวณจำนวนความเสี่ยงที่เขาสามารถแบกรับได้ก่อนเพื่อจำกัดความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายที่เขาทำในตลาด
Aggressive = ผลกำไร
ซึ่งเมื่อความน่าจะเป็นอยู่ในฝั่งของเทรดเดอร์แน่นอนว่าเทรดเดอร์จะได้กำไรสูงสุด แต่เมื่อความน่าจะเป็นไม่ได้อยู่ในฝั่งของเทรดเดอร์เทรดเดอร์จะทำการตัดขาดทุนเพื่อเป็นทัศนคติเพื่อจำกัดการขาดทุนที่จะได้ ที่มีประสบการณ์และหลังจากนั้นผู้ซื้อขายจะออกมาจากภายในตลาดเพื่อหยุดการซื้อขาย
เพราะถ้าเรามองในกระจกของเทรดเดอร์มืออาชีพที่ซื้อขายที่ Institutional Bank หรือ Hedge Fund ในการใช้การจัดการเงินที่ดีเทรดเดอร์โดยเฉลี่ยจะคำนวณความเสี่ยงต่อธุรกรรมจนถึงขีดจำกัดความเสี่ยงสูงสุดเมื่อประสบกับการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากหากเงินที่มีอยู่สูงถึง 30% แน่นอนว่านักลงทุนจะปิดบัญชีซื้อขายทันทีและยอดคงเหลือจะถูกถอนออกทันทีนั่นเป็นเหตุผลที่เทรดเดอร์มืออาชีพมักใช้ความเสี่ยงต่อธุรกรรมน้อยกว่า 1% ของการใช้เงินเทรด ที่สูงถึงหลายล้านดอลลาร์
กรณีตัวอย่าง
ในการบริหารจัดการเงินอย่างชาญฉลาดอันดับแรกให้กำหนดจำนวนเงินทุน (ยอดคงเหลือ) ของผู้ซื้อขายว่าเป็นเท่าใดวงเงินขาดทุนที่ผู้ซื้อขายเต็มใจให้เพื่อให้ผู้ซื้อขายสามารถกำหนดจำนวนล็อตที่สามารถซื้อขายได้ กำหนดระยะทาง stoplose ว่าจะเป็นเท่าใด