ถ้าเป็นช่วงปกติที่ไม่มี โควิด-19 ป่านนี้ 'โม ซาลาห์' อาจได้สัมผัสแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ครั้งแรก กับ ลิเวอร์พูล ก่อนถึงวันเกิด (15 มิ.ย.) ในวัย 28 ปี ไปแล้ว ในฐานะคีย์แมนภายในการคุมบังเหียนของ เจอร์เก้น คล็อปป์

ซึ่งเคยพาทีมประสบความสำเร็จเป็นจ้าวยุโรปได้ ก่อนที่ปีล่าสุดจะไปโฟกัสแชมป์ลีก อันรอคอยมาเนิ่นนาน โดยแน่นอนว่า ‘โม ซาลาห์’ คือคนที่ทีมขาดไปไม่ได้ หลังจากที่พาหงส์แดง ไต่ระดับบินสูงขึ้นจนติดลมบน แต่ทุกอย่างก็มีที่มา จากทั้งพรสวรรค์ กับพรแสวง ผ่านวิถีชีวิตในแต่ละวันของเขาที่ทำให้เป็นอย่างทุกวันนี้

Name:  SSTO_INFO_SALAH.jpg
Views: 533
Size:  44.2 KB

หมวดกิน
- คืนก่อนลงแข่ง เขาจะกินปลา, ไก่ กับพาสต้า (ปกติ 2 อย่างหลัง นักเตะหลายสโมสร มักไม่กินในมื้อเย็น)
- ถ้ามีแข่งเช้า ก่อนนอนคืนนั้น เขาจะกินให้มากที่สุด เขาบอกว่า มื้อเช้าเป็นมื้อที่กินอะไรไม่ได้มากอยู่แล้ว
- เขาบอกว่า เรื่องโภชนาการ ทำให้หลับได้ง่าย หลับสบาย อีกทั้งยังทำให้ร่างกายฟื้นตัว หรือปรับตัวได้เร็ว
- แม้เป็นนักกีฬา แต่เขากินได้ทุกอย่าง โดยโภชนากรบอกว่า เขากินอะไรก็ได้ เพราะไม่มีปัญหาเรื่องไขมัน

หมวดนอน
- เขานอนอย่างต่ำ 8 ชั่วโมง ในตอนกลางคืน กับอีก 1-2 ชั่วโมง ช่วงบ่าย เพื่อให้การฝึกซ้อมออกมาดีที่สุด
- ก่อนนอน เขาจะคิดถึงภาพการแข่งขันวันพรุ่งนี้ เรื่องชุดที่ใส่ (หลังจากถามคนดูแลเรื่องชุดของสโมสรมา) โดยเขาทำแบบนี้มาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก โดยเป็นการช่วยฝึกคิดรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันถัดไป

หมวดซ้อม
- เขาใช้เวลา 3 วัน / สัปดาห์ในการยกน้ำหนัก (เล่นเวท), ออกกำลังกายส่วนบน, ท่อนล่าง และทั้งร่างกาย ส่วนวันที่เหลือก็จะเทรน *พลัยโอเมตริก* เพื่อระเบิดพลังกาย สำหรับการวิ่งในระยะสั้น รวมถึงการฝึกสปีด
- แม้จบช่วงการฝึกซ้อม แต่เขามักจะขอตัวอยู่ต่อ เพื่อฝึกซ้อมคนเดียว โดยเฉพาะการยิงประตูในวิธีต่าง ๆ
- นอกจากการฝึกซ้อมปกติ เขาพยายามแก้ไขจุดอ่อนทุกอย่าง เช่น การใช้เท้าขวา, ยิงนอกกรอบเขตโทษ, การใช้ศีรษะกับบอล, การครอบครองบอลด้วยความเร็วที่มากขึ้น หรือการเพิ่มสปีดในการวิ่งพาบอลไปกับตัว

ข้อมูลอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- เขามีสถิติการวิ่งระยะสั้นใกล้เคียงนักวิ่งชั้นนำ โดยเกมเจอ ฟิออเรนติน่า (ตอนอยู่ โรม่า ฤดูกาลสุดท้าย) เขาสามารถวิ่งได้ 70 เมตร / 7 วินาที (เริ่มต้นจาก 0) ซึ่งเทียบเคียงแล้ว เขาวิ่งได้เร็ว 10 วินาที / 100 เมตร
- เมื่อเปรียบเทียบดู ในเชิงเทคนิค ความน่าทึ่ง คือความเร็วที่เกิดขึ้น และเทียบเท่าสถิติการวิ่งระดับโลกนั้น มาจากการวิ่ง ซึ่งยากลำบากกว่าบนลู่ เพราะหญ้าในวันนั้น ที่มีความชื้น จะเกิดแรงต้านทาน ระหว่างเท้ากับสนาม ที่สำคัญ ถ้าเทียบสตั๊ด กับรองเท้าวิ่ง คงไม่ต้องบอกว่า อันไหนถูกออกแบบมา เพื่อใช้วิ่งมากกว่ากัน

ที่มา: https://timeout.siamsport.co.th/health/view/191452