รายรับส่วนบุคคลในสหรัฐอเมริกา ปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อยมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนมกราคม

[NETT]

รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมานำเสนอข้อมูลในัวนพฤหัสบดีว่า รายรับส่วนบุคคลในสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยกว่าที่คาดเอาไว้ในเดือนมกราคม ส่วนค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลก็เพิ่มขึ้นมาตามการคาดการณ์ จากกระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมากล่าวว่า รายรับส่วนบุคคลได้เพิ่มขึ้นมาร้อยละ 0.4 ในเดือนมกราคม ซึ่งตรงกับการปรับตัวขึ้นมาในเดือนธันวาคม ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ได้คาดว่า รายรับน่าจะปรับตัวขึ้นมาร้อยละ 0.3 การเพิ่มขึ้นที่มากกว่าที่คาดเอาไว้ในส่วนของรายรับนั้น รวมเป็น 30พันล้านเหรียญ ที่เป็นโบนัสจากรายได้ในช่วงแรกของการเริ่มลดอัตราภาษีนิติบุคคล "เห็นได้ชัดว่า ยอดรวมนั้นมาจากการใช้ 'การรายงานใหม่'" คุณ Paul Ashworth หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกาจากสถาบัน Capital Economics ยังออกมากล่าวอีกว่า "ดังนั้นแล้ว ข้อมูลทางสถิติของทางการจะรวมทั้ง ข้อมูลส่วนอื่นๆอีกด้วย" รายได้ส่วนบุคคลสุทธิ หรือรายได้ส่วนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาษีในปัจจุบัน ได้มีการปรับตัวขึ้นมาร้อยละ 0.9 ในเดือนมกราคม หลังจากที่มีการปรับตัวขึ้นมาถึงร้อยละ 0.4 ในเดือนธันวาคม นอกจากนั้นแล้ว รายงานยังระบุถึง ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล ที่เพิ่มขึ้นมาถึงร้อยละ 0.2 ในเดือนมกราคม หลังจากที่มีการปรับตัวขึ้นมาถึงร้อยละ 0.4 ในเดือนธันวาคม ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลนั้นคาดว่าน่าจะปรับตัวขึ้นมาถึงร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นมาในร้อยละ 0.3 ตามที่มีการรายงานไว้ในเดือนก่อนหน้านี้ ค่าใช้จ่ายจริง ซึ่งปรับตามการลดของการเปลี่ยนแปลงด้านราคา ได้ลดลงไปร้อยละ 0.1 ในเดือนมกราคม หลังจากที่มีการปรับตัวขึ้นมาในร้อยละ 0.2 ในเดือนธันวาคม "โดยรวมแล้ว ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ได้ปรับตัวขึ้นมาและ รายได้แบบสุทธิเองก็เพิ่มขึ้นมา ดังนั้นพวกเราคงไม่คาดถึงการลดระดับของค่าใช้จ่ายในระยะยาว" คุณ Ashworth ยังกล่าวอีกว่า "หากลองคิดดูว่า มันมีการปรับตัวขึ้นมา ยิ่งเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อ ที่จะทำให้เฟดทำการปรับอัตราดอกเบี้ย" ข้อมูลของอัตราเงินเฟ้อดูเหมือนว่าจะเป็นที่ต้องการของ ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา โดยแสดงให้เห็นถึง อัตรารายปีของ การเติบโตราคาผู้บริโภคพื้นฐานที่อยู่ในร้อยละ 1.5 ในเดือนมกราคม จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ ที่มากกว่ารายจ่าย รายงานได้เปิดเผยอีกว่า เงินออมส่วนบุคคลที่เป็นเปอร์เซ็นต์มาจากรายได้สุทธิ เพิ่มขึ้นมาถึงร้อยละ 3.2 ในเดือนมกราคม จากเดิมในเดือนธันวาคมอยู่ที่ร้อยละ 2.5