สภาวะเศรษฐกิจและการเมืองทั่วไปของเกาหลีใต้

[Toy]

การเติบโตของปริมาณเงินในประเทศเกาหลีใต้ได้เพิ่มขึ้นมาในเดือนมิถุนายน

อ้างอิงข้อมูลตัวเลขเบื้องต้นจากธนาคารแห่งประเทศเกาหลีใต้ ที่นำเสนอข้อมูลออกมาในวันอังคารว่า การเติบโตของปริมาณเงิน ในประเทศเกาหลีใต้ในเดือนมิถุนายน ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ได้ลดระดับลงไปในเดือนก่อนหน้านี้ ปริมาณเงิน m2 ที่เป็นตัวชี้วัดปริมาณเงินตามความหมายกว้า งได้ปรับตัวขึ้นไปถึง 6.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมิถุนายน ซึ่งมากกว่าเดือนพฤษภาคมที่เพิ่มขึ้นมาใน 5.7% ในช่วงรายเดือนจะพบว่า ปริมาณเงิน m2 ได้เพิ่มขึ้นในอัตราคงที่ เท่ากับ 0.5% ในเดือนมิถุนายน การเติบตัวของสภาพคล่องในปีนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 6.6% ในเดือนมิถุนายน จากเดิมใน 6.1% ในเดือนก่อนหน้านี้ สภาพคล่องของสถาบันการเงิน ได้เติบโตขึ้นมาใน อัตราที่มากขึ้นเล็กน้อยที่ 6.7% ต่อปีในเดือนมิถุนายน หลังจากที่เพิ่มขึ้นมา 6.6% เมื่อเดือนก่อนหน้านี้

[Toy]

ส่วนเกินทางการค้าของประเทศเกาหลีใต้ ได้ลดลงไปในเดือนกรกฎาคม

ธนาคารแห่งประเทศเกาหลีใต้เปิดเผยในวันศุกร์ว่า ประเทศเกาหลีใต้ได้ส่วนเกินในดุลบัญชีเดินสะพัดถึง 7.38 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนมิถุนายน ซึ่งได้ลดลงจากระดับ 8.68 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม ส่วนเกินในดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นถึง 10.04 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับ 9.42 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า ทางธนาคารได้กล่าวว่า การขาดดุลในบัญชีการบริการ ได้ลดลงไปเหลือ 2.45 พันล้านดอลลาร์ จากระดับเดิมใน 2.69 พันล้านดอลลาร์ โดยมันเกิดมาจากการเคลื่อนไหวในบัญชีการท่องเที่ยวและการขนส่ง ในช่วงครึ่งแรกของปี 2018 พบว่าส่วนเกินในดุลบัญชีเดินสะพัด ได้อยู่ที่ 29.65 พันล้านดอลลาร์

[Toy]

ดัชนีราคาผู้ผลิตในประเทศเกาหลีใต้ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ในเดือนมิถุนายน

ธนาคารกลางเกาหลีได้ออกมานำเสนอข้อมูลในวันศุกร์ว่า ราคาผู้ผลิตในประเทศเกาหลีใต้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพฤษภาคม ในกลุ่มของดัชนีย่อยหลักๆ จะพบได้ว่า ราคาของสินค้าการเกษตร, ป่าไม้และผลิตภัณฑ์ทางทะเล ลดลงไปถึง 3.3% ในรอบเดือน ในขณะที่การผลิตเพิ่มขึ้นมาถึง 0.2% และสาธารณูปโภคและการบริการ ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อเทียบเป็นรายปีจะพบได้ว่า ราคาผู้ผลิตได้เพิ่มขึ้นมาถึง 2.6% โดยเพิ่มขึ้นมาจากเดิมในเดือนก่อนที่ 2.2% ในกลุ่มของดัชนีย่อยหลัก จะพบได้ว่า ราคาสินค้าเกษตร, ป่าไม้ และผลิตภัณฑ์ทางทะเล ได้ปรับตัวขึ้นไปถึง 1.4% ในรอบปี ในขณะที่ ผลิตภัณฑ์ด้านอุตสาหกรรมได้เพิ่ม ขึ้นมาถึง 3.8% ส่วนสาธารณูปโภคได้ลดลงไป 2.5% และในด้านบริการเพิ่มขึ้น 1.6%

[Toy]

ดัชนี PMI ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นเป็น 48.9

ภาคการผลิตในเกาหลีใต้ยังคงหดตัวต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคมแม้ว่าจะมีอัตราการชะลอตัวลง แต่ผลสำรวจล่าสุดจาก Nikkei เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่มีคะแนน PMI จากการผลิตอยู่ที่ 48.9 เพิ่มขึ้นจากระดับ 48.4 ในเดือนเมษายนถึงแม้ว่าจะยังคงอยู่ในแนวรัศมี 50 หรือมากกว่าซึ่งจะแยกการขยายตัวออกจากการหดตัว รายรับและยอดสั่งซื้อใหม่ลดลงต่อเนื่องในขณะที่ บริษัท ต่างๆลดงานในช่วงที่ผ่านมาเกือบทศวรรษ ความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน

[Toy]

เกาหลีใต้เดือนเมษายนเงินเกินดุลบัญชีเดินสะพัดทะลุ 1.77 พันล้านเหรียญ

เกาหลีใต้มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลประมาณ 1.77 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายนธนาคารแห่งประเทศเกาหลีใต้เปิดเผยเมื่อวันอังคารซึ่งลดลงจากระดับเกินดุล 5.18 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมีนาคม

ดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงเหลือ 10.36 พันล้านดอลลาร์เทียบกับ 11.54 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า

การขาดดุลบัญชีบริการลดลงไปอยู่ที่ 1.98 พันล้านดอลลาร์จากระดับ 2.42 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้าเนื่องจากธนาคารมีการปรับปรุงบัญชีการท่องเที่ยวมากขึ้น

การขาดดุลบัญชีรายได้หลักขยายตัวจาก 4.92 พันล้านดอลลาร์ในปี 2560 เป็น 5.86 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายน 2561 ตามการเพิ่มขึ้นของการชำระเงินในบัญชีทุน

บัญชีรายได้ทุติยภูมิแสดงขาดทุน 0.75 พันล้านเหรียญ

เมื่อพิจารณาในบัญชีการเงินสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้น 0.01 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายน สินทรัพย์เพื่อการลงทุนโดยตรงเพิ่มขึ้น 2.14 พันล้านเหรียญและหนี้สินจากการลงทุนโดยตรงเพิ่มขึ้น 0.26 พันล้านเหรียญ

ในช่วงเดือนมีการลงทุนเพิ่มขึ้น 4.71 พันล้านดอลลาร์และหนี้สินการลงทุนในตราสารหนี้มูลค่าเพิ่มขึ้น 0.77 พันล้านดอลลาร์

ตราสารอนุพันธ์ทางการเงินมีการหดตัวสุทธิ 0.75 พันล้านเหรียญ

ในแง่ของการลงทุนอื่น ๆ มีสินทรัพย์ลดลงจำนวน 4.38 พันล้านเหรียญและหนี้สินเพิ่มขึ้น 3.80 พันล้านเหรียญ

สินทรัพย์สำรองขยายตัว 3.12 พันล้านดอลลาร์

ในช่วงสี่เดือนแรกของปี 2561 การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ที่ 13.59 พันล้านดอลลาร์

[Toy]

ภาคการผลิตของประเทศเกาหลีใต้ปรับตัวมากขึ้น

อ้างอิงจากผลสำรวจล่าสุดจากทางสถาบัน Nikkei ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลในวันจันทร์ว่าภาคการผลิตในประเทศเกาหลีใต้ได้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมาในเดือนกันยายน โดยมีดัชนี PMI ภาคการผลิตอยู่ที่ 50.6 ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจากเดือนสิงหาคมที่ 49.9 แล้วยังปรับตัวขึ้นเหนือแนวเส้นขึ้นและลงที่ 50 ที่ได้แยกการขยายตัวออกจากการหดตัวทางเศรษฐกิจ หากคิดตามการแยกประเภทแล้วจะพบได้ว่ามีการขยายตัวเกิดขึ้นใหม่ในการผลิตถึงแม้ว่าความเชื่อมั่นทางธุรกิจจะลดลงไปในระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 10เดือน

[Toy]

ภาคการผลิตของประเทศเกาหลีใต้ได้มีการขยายตัวเกิดขึ้น

อ้างอิงจากผลสำรวจล่าสุดจากทางสถาบันNikkei ที่ได้ออกมานำเสนอข้อมูลในวันพฤหัสบดีว่า ภาคการผลิตในประเทศเกาหลีใต้ ยังคงมีการขยายตัวที่เกิดขึ้นมา ในช่วงเดือนมกราคม ซึ่งดัชนี PMI ภาคการผลิตอยู่ใน 50.7 ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจากเดิมในเดือนธันวาคมที่ 49.9 และยังเคลื่อนตัวอยู่เหนือแนวเส้นขึ้นและลงในระดับที่ 50 ที่ได้แยกการขยายตัวออกจากการหดตัวทางเศรษฐกิจ หากคิดตามการแยกประเภทแล้วจะพบว่า อัตราการเติบโตของการผลิตที่เพิ่มขึ้นมานั้นเป็นส่วนทำให้คำสั่งซื้อสินค้าก็มีการปรับตัวตามๆกันมา การจ้างงานได้ลดลงไปในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมา ส่วนราคาผลผลิตได้ปรับตัวขึ้นเป็นอัตราที่น้อยในรอบเกือบเจ็ดปี

[Toy]

ยอด gdp ของประเทศเกาหลีใต้ได้ปรับตัวขึ้นมา 1.1% ในไตรมาสแรก

ธนาคารแห่งประเทศเกาหลีได้ออกมานำเสนอข้อมูลเบื้องต้นในวันพฤหัสบดีว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของประเทศเกาหลีใต้ ได้ปรับตัวขึ้นมา 1.1 เปอร์เซ็นต์ ในไตรมาสแรกของปี 2018 หลังจากที่มีการปรับตัวลงไปถึง 0.2 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ในช่วงรายปีจะพบได้ว่า ยอด gdp ได้ปรับตัวขึ้นมา 2.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งยังทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกันกับในรอบสามเดือนที่ผ่านมา รายได้มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริงได้ปรับตัวขึ้นมา 1.8 เปอร์เซ็นต์ ประจำไตรมาส และอีก 2.2เปอร์เซ็นต์ ในรอบปี

[Toy]

การปรับตัวลงของตลาดหุ้นยังส่งผลต่อหุ้นในประเทศเกาหลีใต้

ตลาดหุ้นในประเทศเกาหลีใต้ยังคงมีการปรับตัวลดระดับลงมาสามเซสชั่นติดต่อกัน ซึ่งลดลงมามากกว่า 20 จุด หรือคิดเป็น 0.9 เปอร์เซ็นต์ สำหรับดัชนี KOSPI ในตอนนี้ก็ได้อยู่ต่ำกว่าแนว 2,465 จุด และยังมีการเปิดช่องทางไปหาพื้นที่สีแดงอีกครั้งในวันพุธ การคาดการณ์ในระดับโลกสำหรับตลาดเอเชียนั้นค่อนข้างไม่แข็งแรง เนื่องจากผลการประกอบการที่ไม่ค่อยดีนัก และ การปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบนั้นเอง สำหรับตลาดยุโรปเองก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาก็มีการปรับตัวลดลงไปอย่างมาก แต่พบว่า อัตราในตลาดเอเชียกลับมีการขึ้นนำมากกว่า ดัชนี KOSPI ได้ปรับตัวลงไปในวันอังคาร เนื่องจากการขาดทุนที่เกิดขึ้นในหุ้นของเทคโนโลยี ที่ได้เกิดจากการดำเนินการของภาคการเงิน และผู้ผลิตรถยนต์ ในวันนี้ ดัชนีได้ลดระดับลงไป 9.97 จุดหรือคิดเป็น 0.40 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนที่ 2,464.14 หลังจากที่มีการซื้อขายอยู่ระหว่าง 2,454.44 และ 2,479.32 ส่วนปริมาณก็อยู่ที่ 519.4ล้านหุ้นที่คิดเป็นมูลค่าถึง 8.1ล้านล้านวอน แล้วยังมีผู้ทำกำไรได้ถึง 453 คน ส่วนผู้ขาดทุนอีก 359 คน ในส่วนของหุ้นที่มีการปรับตัวนั้น ทางด้าน Samsung Electronics ลดระดับลงไป 2.77 เปอร์เซ็นต์ ส่วน LG Electronics ก็ลดระดับลงไป 2.39 เปอร์เซ็นต์, SK hynix ลดระดับลงไป 2.73เปอร์เซ็นต์, Shinhan Financial ปรับตัวขึ้นมา 1.74 เปอร์เซ็นต์, Woori Bank ปรับตัวขึ้นมา 1.58 เปอร์เซ็นต์, POSCO ปรับตัวขึ้นมา 1.14 เปอร์เซ็นต์, Hyundai Steel ลดระดับลงไป 0.18 เปอร์เซ็นต์, Hyundai Motor ปรับตัวขึ้นมา 1.88 เปอร์เซ็นต์, Kia Motors ปรับตัวขึ้นมา 0.16 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่ขึ้นนำในตลาดวอลสตรีตกลับยังอยู่ในแดนลบ เนื่องจากหุ้นไม่สามารถรักษาระดับการเคลื่อนตัวขึ้นไปได้ และยังเคลื่อนตัวลงมาอย่างมากในวันอังคาร ดัชนีดาวโจนส์ ได้ลดระดับลงมา 424.56 จุด หรือคิดเป็น 1.74 เปอร์เซ็นต์ ใน 24,024.13 ระหว่างที่ทางด้าน NASDAQ ได้ลดระดับลงมา 121.25 จุด หรือ 1.70เปอร์เซ็นต์ ใน 7,007.35 และดัชนี S&P ได้ลดระดับลงมา 35.73 จุดหรือ 1.34เปอร์เซ็นต์ ใน 2,634.56 การทยอยขายออกไปในตลาดวอลสตรีทเกิดขึ้น หลังจากที่เทรดเดอร์ได้รับชมข้อมูลการรายงานผลประกอบการที่ไม่ค่อยสร้างผลกระทบเท่าไหร่ จากทางบริษัทชื่อดังหลายแห่ง อย่างเช่น 3M Corp. (MMM), Caterpillar (CAT), Alphabet (GOOGL), Travelers (TRV) และ Coca-Cola (KO) แนวโน้มการขายได้เกิดขึ้นมาจาก การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอเมริกา โดยที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีได้สูงกว่า 3 เปอร์เซ็นต์จากครั้งแรกในปี 2014 ที่ผ่านมา ทางด้านเศรษฐกิจจะพบได้ว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมากล่าวว่า มีการเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ได้ประเมินไว้ในส่วนของ ยอดการขายบ้านหลังใหม่ในเดือนมีนาคม นอกจากนั้นแล้วทางด้าน Conference Board เองก็ออกมาระบุถึง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ได้ปรับตัวขึ้นมาในเดือนเมษายน สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าได้ปรับตัวในวันอังคาร ซึ่งยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นไปหาระดับสูงในรอบ 4 ปีได้ ซึ่งมาจากการขายเพื่อทำกำไร และ การต่อต้านจากอิหร่านสำหรับการลดระดับกรผลิต ส่วนทางด้านผู้ผลิตน้ำมันดิบคุณภาพสูงอย่าง WTI ก็มีอัตราที่ลดระดับลงไป 80 เซ็นต์ใน $67.86

[Toy]

ยอด gdp ของประเทศเกาหลีใต้ ได้ปรับตัวขึ้นมา 1.1% ในไตรมาสที่หนึ่ง

ธนาคารแห่งประเทศเกาหลีได้ออกมานำเสนอข้อมูลเบื้องต้นในวันพฤหัสบดีว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของประเทศเกาหลีใต้ ได้ปรับตัวขึ้นมา 1.1 เปอร์เซ็นต์ ในไตรมาสแรกของปี 2018 หลังจากที่มีการปรับตัวลงไปถึง 0.2 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ทางด้านค่าใช้จ่ายจะพบได้ว่า การบริโภคของภาคเอกชนได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นมา 0.6เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับสินค้าคงทนที่ปรับตัวขึ้นมา สำหรับการบริโภคของรัฐบาลเองก็เพิ่มขึ้นมา 2.5 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมีการขยายตัวเกิดขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการรักษาสุขภาพ การลงทุนในการก่อสร้างได้ปรับตัวขึ้นมา 2.8เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่การลงทุนในการก่อสร้างอาคารได้เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย ส่วนการลงทุนในส่วนของสาธารณูปโภค ได้ปรับตัวขึ้นมา 5.2 เปอร์เซ็นต์ ที่เกิดขึ้นมาจากการลงทุนในส่วนของเครื่องจักร และอุปกรณ์การคมนาคม การส่งออกได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นมา 4.4 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับที่มีการเพิ่มขึ้นมาในส่วนของการส่งออกของ ผลิตภัณฑ์เคมี, เครื่องจักร และอุปกรณ์ ส่วนการนำเข้าเองก็ปรับตัวขึ้นมา 5.5 เปอร์เซ็นต์ โดยเกิดมาจากการขยายตัวในการนำเข้าของก๊าซธรรมชาติ,เครื่องจักร และอุปกรณ์ ทางด้านการผลิต, การเกษตร, การป่าไม้ และด้านการประมง ได้ปรับตัวขึ้นมา 6.5 เปอร์เซ็นต์ ที่มาพร้อมกับด้านผลผลิตในส่วนของการปศุสัตว์และการประมง การผลิตได้ปรับตัวขึ้นมา 1.9 เปอร์เซ็นต์ ที่มาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของผลผลิตในส่วนของเครื่องจักร และอุปกรณ์ ด้านการผลิตไฟฟ้า, ก๊าซ และน้ำ ได้ลดระดับลงไป 5.5 เปอร์เซ็นต์ โดยหลักแล้วเกิดจากการลดระดบัลงไปจากการผลิตกระแสไฟฟ้า การก่อสร้างได้ขยายตัวเกิดขึ้นมา 3.3 เปอร์เซ็นต์ โดยที่มีการเพิ่มขึ้นของ การก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัย และอาคารที่ไม่ได้ใช้สำหรับเป็นที่อยู่อาศัย ด้านการบริการได้เพิ่มขึ้นมา 3.3เปอร์เซ็นต์ ทีเกิดมาจากการเติบโตในส่วนของอสังหาริมทรัพย์, การเช่า, ด้านวัฒนธรรม และการบริหารอื่นๆ ที่ได้ไปหักลบไปกับ การลดระดับลงไปของยอดการค้าส่งและค้าปลีก รวมทั้งในร้านอาหารและโรงแรม ในช่วงรายปีจะพบได้ว่า ยอด gdp ได้ปรับตัวขึ้นมา 2.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งยังทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกันกับในรอบสามเดือนที่ผ่านมา รายได้มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริงได้ปรับตัวขึ้นมา 1.8 เปอร์เซ็นต์ ประจำไตรมาส และอีก 2.2เปอร์เซ็นต์ ในรอบปี