สภาวะเศรษฐกิจและการเมืองทั่วไปของสหรัฐอเมริกา

[Wealthup]

ในตลาดการเงิน ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงได้ยุติการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ที่น่าสนใจคือ การถอยกลับครั้งนี้มีการวัดผลมากกว่าในช่วงครึ่งหลังของเดือนพฤษภาคม และไม่ได้รับการสนับสนุนจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ผลตอบแทนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นในช่วงสามช่วงการซื้อขายล่าสุด โดยแตะ 3.2% โดยไม่สามารถกลับไปต่ำกว่า 3%

นดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงกระบวนการสองประการ ประการแรก มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถปรับตัวตามอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นได้ ประการที่สอง การสูญเสียโมเมนตัมขาขึ้นของค่าเงินดอลลาร์เป็นผลจากการที่ธนาคารกลางอื่น ๆ ได้ออกนโยบายที่เข้มงวดในระดับเดียวกัน

พฤติกรรมของค่าเงินดอลลาร์นี้สอดคล้องกับรูปแบบในอดีต โดยค่าเงินดอลลาร์โดยเฉลี่ยจะคงอยู่ประมาณหนึ่งปีเพื่อตอบสนองต่อการพลิกกลับของนโยบาย ซึ่งหมายความว่าการขึ้นค่าเงินดอลลาร์ 17.7% ที่เริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม 2021 สิ้นสุดลงแล้ว รอบสุดท้ายคือการแรลลี่คาดว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 จุดในวันที่ 15 มิถุนายน ซึ่งทำให้ดัชนีพุ่งขึ้นสูงสุดพร้อมกัน

อย่างไรก็ตาม มันก็คุ้มค่าที่จะจำบทเรียนของประวัติศาสตร์ด้วยว่าคาดหวังว่าหมีจะครอง USD มากเกินไป เพราะสภาวะทางการเงินที่ตึงตัวในสหรัฐอเมริกามักจะจบลงด้วยอาฟเตอร์ช็อกในส่วนอื่นๆ ของโลก เช่นการผิดนัดโดยประเทศในเอเชียในปี 1997 และการผิดนัดชำระหนี้ในประเทศของรัสเซียในปี 1998 ทำให้เกิดการลดค่าเงินท้องถิ่นหลายครั้ง หลังจากวิกฤตการเงินโลก เราเห็นการผิดนัดของกรีซด้วยแรงกดดันที่รุนแรงและการสูญเสียความเชื่อมั่นในค่าเงินยูโร

ในมุมมองของเรา นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับความเสี่ยงต่อยูโรโซนและญี่ปุ่นอีกครั้ง ไม่ต้องพูดถึงปัญหาที่เพิ่มขึ้นในประเทศตลาดเกิดใหม่ระดับกลางที่ได้รับผลกระทบจากราคาอาหารและพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น

แหล่งข่าวฺ The dollar index may have peaked, but risks remain for Europe, Japan โดย Alex Kuptsikevich - FxPro senior market analyst

[Wealthup]

น้ำมันดิบเบรนต์ซื้อขายต่ำกว่าระดับสูงสุด 14% จากวันที่ 9 มิถุนายน โดยลดลงเกือบทุกวันตั้งแต่นั้นมา การลดลงอย่างรวดเร็วซึ่งมากกว่า 3.5% ในวันอังคารได้ทำลายค่าเฉลี่ย 50 วันและแนวรับแนวต้านตั้งแต่เดือนธันวาคม

แม้ว่าการพักตัวอย่างเป็นทางการของแนวโน้มขาขึ้นจะเกิดขึ้นหลังจากที่ลดลงต่ำกว่าระดับต่ำสุดครั้งก่อน ซึ่งใกล้ถึง 101 ดอลลาร์ แต่เราเชื่อว่าแนวโน้มขาขึ้นของน้ำมันได้พังลงแล้ว ที่น่าสนใจคือไม่ใช่มาตรการของไบเดนที่จะควบคุมราคาด้วยการลดภาษีและการปล่อยปริมาณสำรอง แต่น้ำมันเป็นหนึ่งในกลุ่มแรกที่ตอบสนองต่อสัญญาณของการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

โอกาสที่เพิ่มขึ้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกทำให้เกิดการเทขายอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงและผลตอบแทนพันธบัตรจะลดลง ซึ่งปกติแล้วมักจะหนุนราคาน้ำมัน

ส่วนสำคัญของเรื่องคือความเชื่อมั่นของตลาดสำหรับหุ้นพลังงาน ยักษ์ใหญ่อย่างเชฟรอนและเอ็กซอนโมบิลร่วงลงกว่า 3% เมื่อวานนี้ เทียบกับการเพิ่มขึ้น 1% ใน S&P500 หุ้นทั้งสองนี้ถึงจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน แต่ตอนนี้กำลังใกล้เข้าสู่ตลาดหมี โดยร่วงลงราว 20% จากจุดสูงสุด โดยมาที่ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น นี่เป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญว่าแนวโน้มขาขึ้นของน้ำมันได้หมดลงแล้วว

เป็นที่ชัดเจนว่าโลกไม่ได้เผชิญกับการล่มสลายของอุปทานเนื่องจากน้ำมันจากรัสเซียหลั่งไหลเข้าสู่เอเชีย ขณะเดียวกัน OPEC และสหรัฐก็กำลังเพิ่มการผลิตขึ้น แต่ราคาพลังงานก็สูงเกินไปสำหรับผู้ซื้อจึงทำให้ความต้องการลดลง

หากที่กล่าวมานี้ถูกต้อง การปรับฐานราคาน้ำมันในขั้นต้นอาจไม่มีความหมายใดๆ จนกว่าจะมีการดึงกลับไปที่ราว 100 ดอลลาร์เทียบกับ 107 ดอลลาร์ในปัจจุบันในอีกสองสามสัปดาห์ข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม เรามองว่าสถานการณ์มุมมองเชิงลบกำลังเพิ่มขึ้น แนวโน้มไซด์เวย์ในปี 2011-2014 เป็นส่วนหนึ่งเนื่องจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และเฟดได้ขึ้นดอกเบี้ยเพียง 25 จุดในทุกๆการประชุมในขณะนั้น แต่ขณะนี้เฟดขึ้นไปแล้ว 150 จุดในการประชุมเพียง 3 ครั้ง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ น้ำมันน่าจะเคลื่อนไหวแบบผันผวน (คล้ายกับปี 2009-2011) ไปสู่สถานการณ์ที่คล้ายกับสิ้นปี 2014

อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก OPEC+ มีการประสานงานกันมากขึ้นในช่วงแปดปีที่ผ่านมา โดยป้องกันไม่ให้ราคาน้ำมันตกลงมาต่ำกว่า 60 ดอลลาร์ในสถานการณ์ที่มีมุมมองเชิงลบสำหรับเศรษฐกิจซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันสามารถย้อนกลับมาที่ 80-85 ดอลลาร์ได้อย่างรวดเร็ว

แหล่งข่าว Oil uptrend broken, potential bears target at $60-80 โดย Alex Kuptsikevich - FxPro senior market analyst

[Wealthup]

ตลาดหุ้นสหรัฐเผชิญจุดต่ำสุดในรอบหลายเดือนในวันพฤหัสบดี โดย S&P500 กลับไปสู่เดือนธันวาคม 2020 และ Nasdaq กลับไปที่เดือนพฤศจิกายน 2020 ณ จุดหนึ่ง และในวันศุกร์ เราเห็นการทำกำไรจากการเทขายในวันก่อน ระหว่างนี้ คุณควรให้ความสนใจกับตัวชี้วัดหลายตัวที่อาจชี้ให้เห็นถึงการหยุดชะงักของตลาดเป็นเวลานาน หรือแม้แต่การกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจเป็นปัจจัยของการแรลลี่ในวงกว้าง

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับที่ต่ำกว่า 3.4% จากการเข้าซื้ออย่างแข็งขันของกองทุนต่าง ๆ ซึ่งกดดันให้ผลตอบแทนกลับมาที่ 3.2%

นี่อาจแสดงให้เห็นการทุ่มน้ำหนักกับภาวะถดถอยที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐหรือการปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ยังมีผลดีจากผลตอบแทนที่ลดลงคือการกลับตัวของผลตอบแทนที่ลดลงอย่างต่อเนื่องอาจช่วยกระตุ้นตลาดตราสารทุนและฟื้นฟูความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง

ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าลงเช่นกัน โดยเซสชั่นนิวยอร์กมีการเทขายออกทำให้แนวโน้มไปคนละทางกับหุ้น เมื่อมองย้อนกลับไปที่การซื้อพันธบัตรสหรัฐ อาจสันนิษฐานได้ว่ามีโอกาสมากขึ้นที่หุ้นกู้จะดีดตัวขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม จะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหากผลตอบแทนลดลงต่ำกว่า 3%

อีกอย่างหนึ่งไม่ควรมองข้ามการไหลเข้าของผู้ซื้อทองคำ ซึ่งอาจเป็นเพราะ USD ที่อ่อนค่าลงและผลตอบแทนพันธบัตรที่ต่ำลง แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญทางจิตวิทยาเช่นกันหากทองคำสามารถยืนเหนือ 1,800 ดอลลาร์และปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันในวันพฤหัสบดี

แหล่งข่าว The sell-off in the S&P500 has not triggered a wider risk-off โดย Alex Kuptsikevich - FxPro senior market analyst

[Pipat]

ทองคำปิดตัวสูงขึ้น 4 เซสชั่นติดต่อกันเนื่องจากเงินดอลลาร์ร่วงลงต่อไป

ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นในวันอังคาร โดยทำกำไรได้เป็นเซสชั่นที่สี่ติดต่อกัน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าลงและข้อมูลที่อ่อนแอทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการเติบโต อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวที่ลดลงมีส่วนทำให้ราคาโลหะสีเหลืองปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากคุณ Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางยุโรปกล่าวว่าอัตราดอกเบี้ยของยูโรโซนน่าจะอยู่ในแดนบวกภายในสิ้นไตรมาสที่ 3 ซึ่งจะทำให้เงินยูโรแข็งค่าขึ้นได้ ดัชนีเงินดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับ 101.65 ซึ่งใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมาเล็กน้อยที่ 101.75 โดยยังคงอยู่ในแดนลบพร้อมกับการขาดทุนมากกว่า 0.3% ฟิวเจอร์สทองคำสำหรับเดือนมิถุนายนปิดตัวสูงขึ้น 17.60 ดอลลาร์หรือประมาณ 1% ที่ระดับ 1,865.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการปิดตัวสูงสุดในรอบสองสัปดาห์ ฟิวเจอร์สเงินสำหรับเดือนกรกฎาคมปิดที่ 0.340 ดอลลาร์ที่ระดับ 22.063 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ฟิวเจอร์สทองแดงในเดือนกรกฎาคมปิดตัวอยุ่ที่ 4.3050 ดอลลาร์ต่อปอนด์ โดยลดลง 0.0405 ดอลลาร์จากการปิดก่อนหน้านี้ ข้อมูลที่นำเสนอโดยกระทรวงพาณิชย์แสดงให้เห็นว่ายอดขายบ้านหลังใหม่ลดลงมากเกินกว่าที่คาดการณ์ในเดือนเมษายน รายงานระบุว่ายอดขายบ้านหลังใหม่ลดลงถึง 16.6% สู่อัตรา 591,000 ต่อปีในเดือนเมษายนหลังจากที่ร่วงลง 10.5% ต่ออัตราที่ปรับใหม่ใน 709,000 ในเดือนมีนาคม นักเศรษฐศาสตร์คาดว่ายอดขายบ้านหลังใหม่จะลดลง 1.7% สู่ระดับ 750,000 จากเดิมที่ระดับ 763,000 ที่รายงานในเดือนก่อนหน้านี้ ยอดขายบ้านหลังใหม่ได้ลดลงสู่อัตราประจำปีที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไปแตะที่ 582,000 ในเดือนเมษายน 2020 โดยมาพร้อมกับการลดลงที่มากเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก

[Wealthup]

น้ำมันและก๊าซได้รับผลกระทบอย่างมากระหว่างช่วงการซื้อขายในนิวยอร์ก น้ำมันและก๊าซร่วงลงอย่างรวดเร็วด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน แต่ในทั้งสองกรณี เราอาจเห็นการกลับตัวของพลังงานหลังจากที่ราคาเพิ่มขึ้นมากกว่าห้าเท่าจากระดับต่ำสุดของในเดือนเมษายน 2020

ก๊าซธรรมชาติร่วงลงมากกว่า 20% ในวันอังคารจากรายงานการกลับมาเริ่มงานอีกครั้งภายใน 90 วันของ Freeport ซึ่งเคยคาดว่าจะใช้งานได้ในช่วงสิ้นปี

มันตรงกันข้ามกับวันที่มีการประกาศเพลิงไหม้ใน Freeport LNG เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ซึ่งทำจุดสูงสุดที่ 9.6 ดอลลาร์ ราคาได้ลดลงหนึ่งในสี่ หากเราเห็นการกลับตัว จะไม่น่าแปลกใจหากราคาจะร่วงกลับไปที่ 6.5 หรือ 6.0 ดอลลาร์

น้ำมันยังเคลื่อนไหวในช่วงแคบ ๆ เบรนต์อยู่ในช่วงการซื้อขายที่ห้าซึ่งแสดงแนวโน้มขาลง เมื่อเช้าวันก่อน เราเห็นความพยายามของกระทิงในการทำลายเทรนด์ซึ่งทำให้เกิดการเทขายอย่างหนัก เนื่องจากราคาร่วง 5% หรือเกือบ 6 ดอลลาร์ภายในเวลาไม่ถึง 5 ชั่วโมง

เราได้เห็นแล้วเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่าน้ำมันมีราคาแพงเกินไปสำหรับผู้ซื้อในตลาดและเศรษฐกิจ ทำให้เกิดอุปสงค์ชะงักและทำให้เกิดการปรับฐาน ข้อมูลใหม่จาก IEA พบว่าสินค้าคงคลังทั่วโลกเพิ่มขึ้นในเดือนเมษายนเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองปี อย่างไรก็ตาม OPEC+ กลับผลิตได้ต่ำกว่าโควตามากขึ้นเรื่อยๆ และการผลิตของสหรัฐหยุดนิ่งที่ราว11.9 ล้านบาร์เรลนานนับ 10 สัปดาห์แล้ว

ประมาณการของเราคือเราจะเห็นการสิ้นสุดของการแรลลี่ที่ยาวนาน หากเบรนต์สร้างฐานที่ต่ำกว่า 114 ดอลลาร์ และอีกสัญญาณที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้นคือการสร้างฐานที่ต่ำกว่า 110 ดอลลาร์ ซึ่งผ่านเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน อาจปูทางไปให้ร่วงลงไปสู่ 100 ดอลลาร์ภายในสิ้นเดือนสิงหาคม อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าราคาจะอยู่ในช่วง 100-120 ดอลลาร์ในช่วงที่เหลือของปี

แหล่งข่าว Yesterday’s oil and gas crash is the first sign of a break โดย Alex Kuptsikevich - FxPro senior market analyst

[Pipat]

เงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือน

มูลค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้เคลื่อนตัวไปขาลงตลอดการซื้อขายในวันอังคาร ซึ่งขยายแนวโน้มขาลงล่าสุด ตอนนี้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงไป 0.31 จุดหรือ 0.3% ที่ระดับ 101.77 หลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบหนึ่งเดือน เงินดอลลาร์ซื้อขายอยู่ที่ 126.88 เยนเมื่อเทียบกับ 127.90 เยนที่ไปถึงเมื่อปิดการซื้อขายช่วงนิวยอร์กเมื่อวันจันทร์ เงินดอลลาร์สหรัฐมีมูลค่า 1.0734 ดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโร ต่อค่าเงิน 1.0691 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความคิดเห็นของคุณ Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางยุโรป ซึ่งกล่าวว่าธนาคารกลางกำลังวางแผนที่จะยกเลิกอัตราดอกเบี้ยติดลบภายในสิ้นไตรมาสที่สาม ในสหภาพยุโรป คุณ Lagarde กล่าวว่าธนาคารกลางคาดว่าจะยุติการซื้อสุทธิภายใต้ APP ในช่วงต้นไตรมาสที่สาม คุณ Lagarde กล่าวว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะเกิดขึ้นในการประชุมของเดือนกรกฏาคม ซึ่งตรงกับแนวทางล่วงหน้า ทางด้านเศรษฐกิจของสหรัฐพบว่ากระทรวงพาณิชย์ได้ออกรายงานที่แสดงให้เห็นว่ายอดขายบ้านใหม่ได้ลดลงมากเกินคาดในเดือนเมษายน รายงานระบุว่ายอดขายบ้านหลังใหม่ลดลงถึง 16.6% สู่อัตราที่ 591,000 ต่อปีในเดือนเมษายนหลังจากที่ลดลงถึง 10.5% ต่ออัตราที่ปรับแล้วใน 709,000 ในเดือนมีนาคม นักเศรษฐศาสตร์คาดว่ายอดขายบ้านหลังใหม่จะลดลง 1.7% สู่ระดับที่ 750,000 จากเดิมอยู่ใน 763,000 ที่รายงานในเดือนก่อนหน้านี้ ยอดขายบ้านหลังใหม่ได้ลดลงสู่อัตราประจำปีที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไปแตะที่ 582,000 ในเดือนเมษายน 2020 โดยมาพร้อมกับการลดลงที่มากเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก

[Wealthup]

ดัชนี S&P500 ร่วงลง 3.9% ระหว่างวันในวันจันทร์ Nasdaq ที่อยู่ในตลาดหมีอย่างทางการร่วงอีก 4.6% ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปิดเหนือ 105 ในวันจันทร์ สูงสุดในรอบ 20 ปี ในเช้าวันอังคาร ตลาดกำลังดีดกลับในทางเทคนิคหลังจากการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งของเมื่อวาน โดยดัชนีฟิวเจอร์สเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% ในช่วงเริ่มต้นของเซสชั่นการซื้อขายในยุโรปและ DXY ถอยกลับไปที่ 104.60

ไม่ว่าเราจะเห็นการก่อตัวเป็นสองเท่าในดัชนีดอลลาร์หรือการหยุดชั่วคราวก่อนการทะลุขึ้น เราไม่น่าจะรู้ก่อนที่เราจะเห็นปฏิกิริยาของตลาดต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของเฟดและถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ในเย็นวันพรุ่งนี้

การเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วได้รับแรงหนุนจากอัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคมที่แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ปี 1981 โดยเพิ่มขึ้นเป็น 8.6% ต่อปี โดยฟิวเจอร์สเรตใขณะนี้กำลังวางโอกาส 98% สำหรับการปรับขึ้น 75 จุด จาก 35% เมื่อวันก่อน

สิ่งเหล่านี้เป็นการประมาณที่ค่อนข้างเครียด ซึ่งก่อนหน้านี้เฟดเคยเตือนว่าพร้อมที่จะเคลื่อนไหวหลายครั้งด้วยการขึ้นดอกเบี้ย 50 จุด ในมุมมองของเราสำหรับสิ่งที่เป็นไปได้ที่สุดคือ 50 จุด และคำแนะนำสำหรับ 75 จุดในปลายเดือนกรกฎาคมหากจำเป็น

ทั้งนี้ สมมติว่าถ้อยแถลงของเฟดเป็นอย่างที่เราคาด ดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงจากการประเมินมูลค่าที่รุนแรงและการดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในตราสารทุน เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ถดถอยจะถูกปัดออกไปข้างหลัง

อย่างไรก็ตาม แม้จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 จุด แต่มีโอกาสสูงที่เฟดส่งสัญญาณที่เหยี่ยวมากขึ้นเช่นการเตือนถึงความพร้อมที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 75 จุดในการประชุมครั้งต่อไป การคาดการณ์เกี่ยวกับเวลาที่เฟดตั้งใจจะยุติการกระชับนโยบายจะกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับตลาด โดยปัจจุบันตลาดคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงสุดที่ 4.00% ในเดือนมีนาคมปีหน้าจาก 0.75%

อย่างไรก็ตาม ด้วยการคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงและยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง เฟดอาจเตือนถึงความพร้อมที่จะดำเนินการอย่างแข็งขันมากขึ้นโดยรักษาความต้องการเงินดอลลาร์และแรงกดดันต่อสินทรัพย์จนกว่าจะถึงจุดสูงสุดของอัตราเงินเฟ้อ
​
แหล่งข่าว Markets jumped the gun, expecting to hawkish Fed tomorrow โดย Alex Kuptsikevich - FxPro senior market analyst

[Wealthup]

ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ เร่งตัวขึ้น 8.6% ในเดือนพฤษภาคม จาก 8.3% ในเดือนก่อนหน้า เหนือคาดการณ์ก่อนนี้ ย้อนกลับความหวังว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะชะลอตัวลง

เงินเฟ้อที่สูงเช่นนี้อาจทำให้เกิดจุดยืนของ FOMC เข้มงวดยิ่งขึ้นไปอีก โดยเมื่อเร็วๆ นี้ เฟดถูกคาดหมายว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 50 จุดในสัปดาห์หน้า และอีกทีในปลายเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม ด้วยตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่อง จึงมีโอกาสเพิ่มขึ้นที่จะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยสองเท่าอีก ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับการเก็งกำไรสำหรับค่าเงินดอลลาร์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

อีกประเด็นคือการทำ QT เฟดยังสามารถปรับเปลี่ยนแผนการขายสินทรัพย์ออกจากงบดุลเพื่อกระชับเงื่อนไขทางการเงิน อัตราเงินเฟ้อที่สูงเป็นข่าวร้ายสำหรับตลาดหุ้นเพราะจะบังคับให้เฟดกระชับนโยบายการเงินให้รัดกุมยิ่งขึ้น ในสภาพแวดล้อมนี้ สินทรัพย์ในตลาดเงินที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์มีความน่าสนใจเนื่องจากให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น

สิ่งนี้ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับปีที่แล้วที่เฟดให้ความมั่นใจกับเราว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยตัวมันเอง ดังนั้นนักลงทุนจึงเทขายดอลลาร์จากมูลค่าที่ร่วงลง

แหล่งข่าว Accelerating US inflation weighs on stocks, strengthens USD โดย Alex Kuptsikevich - FxPro senior market analyst

[Pipat]

ฟิวเจอร์สทองคำปิดตัวสูงขึ้นเนื่องจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง

ฟิวเจอร์สทองปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ โดยขยายการกำไรเป็นเซสชั่นที่สามติดต่อกัน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยเพิ่มขึ้นจากระดับสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสในกรุงปักกิ่งและความกลัวว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้ผลักดันความต้องการโลหะปลอดภัย ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐได้กล่าวว่าเขากำลังพิจารณาการลดภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าจีน นายไบเดนกล่าวว่า “ผมกำลังพิจารณาอยู่ พวกเราไม่ได้กำหนดอัตราภาษีใดๆ อัตราภาษีนั้นถูกกำหนดโดยฝ่ายบริหารชุดที่แล้ว และกำลังอยู่ในการพิจารณา” ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับ 102.07 โดยลดลงเกือบ 1.1% ฟิวเจอร์สทองคำสำหรับเดือนมิถุนายนปิดตัวสูงขึ้น 5.70 ดอลลาร์หรือประมาณ 0.3% ที่ระดับ 1,847.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบสองสัปดาห์ ฟิวเจอร์ทองคำปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 1,864.30 ดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้านี้ ซิลเวอร์เงินสำหรับเดือนกรกฎาคมปิดตัวสูงขึ้นถึง 0.049 ดอลลาร์ที่ระดับ 21.723 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขณะที่ฟิวเจอร์สทองแดงสำหรับเดือนกรกฎาคมปิดที่ 4.3455 ดอลลาร์ต่อปอนด์ โดยเพิ่มขึ้น 0.0695 ดอลลาร์

[Wealthup]

ในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ การซื้อในการซื้อขายของสหรัฐทำให้ราคาหยุดร่วงโดยปิดวันใกล้ระดับสูงสุดระหว่างวัน แต่น่าสนใจที่ว่าการเปิด order ในเอเชียยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง

ข่าวการขึ้นราคาสำหรับเอเชียในเดือนหน้าจากซาอุดีอาระเบียนั้น โดยทั่วไปแล้วจะทำให้ราคาเสนอเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่คราวนี้กลับไม่เป็นแบบนั้น ในขณะที่เขียน WTI และ Brent กำลังลดลงราว 1.6% ตั้งแต่เริ่มต้นวัน

ขณะที่ รายงานสต็อกและการผลิตรายสัปดาห์พบว่าสหรัฐไม่ได้เพิ่มการผลิต โดยจำนวนแท่นขุดเจาะที่ทำงานอยู่ที่ 574 แท่นเท่ากับสัปดาห์ก่อนและต่ำกว่าสองสัปดาห์จากเมื่อ 3 สัปดาห์ แม้ราคายังคงสูงและฤดูกาลท่องเที่ยวใกล้เข้ามาถึง

เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว รายงาน EIA อย่างเป็นทางการระบุว่าสต็อกน้ำมันเชิงพาณิชย์ลดลงเป็นสัปดาห์ที่สามพร้อมกับการปล่อยปริมาณสำรองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอยู่ที่ระดับต่ำสุดแล้วนับตั้งแต่ปี 1987 แต่สหรัฐยังไม่เร่งการผลิตใด ๆ

วันนี้ (6 พ.ค.) คาดว่าไบเดนจะเผยมาตรการกระตุ้นฉบับใหม่สำหรับภาคพลังงานทดแทน ซึ่งแน่นอนว่ามันกำลังขวางการลงทุนการผลิตน้ำมันในวงกว้าง

ในด้าน OPEC+ ที่เพิ่มโควตาการผลิตนั้น อาจส่งผลให้มีการเพิ่มผลผลิตจากสมาชิกในกลุ่มในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

แหล่งข่าว America does not want to produce oil โดย Alex Kuptsikevich - FxPro senior market analyst