สภาวะเศรษฐกิจและการเมืองทั่วไปของสหรัฐอเมริกา

[Yellowjixn]

สงครามราคาน้ำมัน อันเป็นความขัดแย้งของรัสเซีย และซาอุดิอาระเบียได้เปลี่ยนแปลงตลาดน้ำมันโลกไปโดยสิ้นเชิง เนื่องด้วยการผลิตน้ำมันออกมาจำนวนมาก ทำให้อุปทานของน้ำมันขยับตัวไปมากกว่าอุปสงค์ต่อน้ำมัน เลยส่งผลต่อราคาน้ำมันในช่วงนี้ แต่บางประเทศอย่างจีน, ในยุโรป หรือกระทั้งสหรัฐอเมริกาเองก็เล็งเห็นประโยชน์จากตรงนี้เลยทำการซื้อน้ำมันสำรองมา โดยทางอเมริกามีน้ำมันสำรองแล้วถึง 20ล้านบาร์เรล

[PatCKY.CH24]

ท่ามกลางช่วงที่เกิดปัญหาในตลาดน้ำมัน แล้วเงินรูเบิลอาจร่วงลงต่ำกว่าเดิม ทางประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา Donald Trump ได้ออกมาช่วยให้ทั้งทางรัสเซีย และซาอุดิอาระเบียได้กลับมาเจรจาด้านน้ำมัน และข้อตกลงกันอีกครั้งได้สำเร็จ โดยหวังว่าทั้งสองประเทศจะตกลงกันแล้ว หลังจากการประกาศช่วยเหลือของเขาเอง ตลาดสกุลเงิน และตลาดน้ำมันก็มีท่าทีที่ดีขึ้น ซึ่งอย่างน้อยเงินรูเบิลก็ปรับตัวขึ้นมา เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ และเงินยูโร แต่ในตลาดน้ำมันยังอยู่ในช่วงการเจรจาจึงต้องมาจับตาดูกันต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น

[Yellowjixn]

ีผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าต่อออเมริกานั้น อาจเกิดขึ้นได้ไม่นาน แล้วอาจจะไม่ส่งผลร้ายแรงต่อไตรมาสที่สอง เพราะว่าเมื่อนำข้อมูลการสูญเสีย, การหยุด, การปิด หรือการลดลทั้งในด้านการผลิต, การจ้างงาน, การอุปโภคบริโภค และด้านธุรกิจงมาเทียบดูแล้วพบว่า มันไม่ได้มากไปกว่าวิกฤตการณ์ต่างๆที่เคยผ่านมาในอดีต

[Yellowjixn]

ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา Donald Trump รวมถึงรัฐบาลได้เดินหน้ายื่นร่างกฎหมายเพื่อออกมาตรการบรรเทา จากผลกระทบของเชื้อไวรัสโคโรน่าที่แพร่ระบาดเป็นเงิน 2.2ล้านล้านดอลลาร์ ที่จะครอบคลุมด้านธุรกิจ, เศรษฐกิจ และการมอบเป็นเงินให้ส่วนบุคคลอีกถึง 1,200ดอลลาร์ต่อคนที่เป็นผู้เสียภาษีรายปี แล้วยังมีการอนุมัติโครงการการปล่อยเงินกู้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเงินถึง 350 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นยังมีการออกสินเชื่ออีก 500 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งโดยรวมแล้วมาตรการเหล่านี้ถือว่าเป็นมาตรการที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสหรัฐอเมริกา

[Yellowjixn]

จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าในวงกว้างระดับโลก เลยทำให้ปริมาณหนี้สาธารณะของสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย ซึ่งมากกว่า 23.5ล้านล้านดอลลาร์ จึงอาจกล่าวได้ว่าการขาดดุลอาจเติบโตเร็วกว่าเศรษฐกิจของสหรัฐก็เป็นได้ ทั้งปัญหาภายใน และภายนอกประเทศ รวมทั้งการเตรยมตัวเพื่อการเลือกตั้งครั้งใหม่ แล้วยังเรื่องเชื้อไวรัสโคโรน่า ที่ต้องมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจถึง 2ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปให้ได้

[Pipat]

Fitch ยืนยันถึงการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐอเมริกาไว้ที่ 'AAA'

Fitch Ratings ยืนยันถึงการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ไว้ที่ระดับ 'AAA' ด้วยแนวโน้มคงที่ จากจุดแข็งของโครงสร้าง อย่างไรก็ตามหน่วยงานจัดอันดับเตือนว่า การขาดดุลทางการคลัง และหนี้ที่สูง ซึ่งเพิ่มขึ้นไปมากกว่าก่อนหน้าที่จะเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อันเกิดมาจากเชื้อไวรัสโคโรน่า ที่จะเริ่มทำให้ไปลดข้อดีของความเชื่อถือไปได้ สหรัฐอเมริกาได้ปิดบางส่วนของเศรษฐกิจไป เพื่อจำกัดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการหดตัวไปอย่างมาก โดยอยู่ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2020 และการว่างงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทางหน่วยงานกล่าวว่า "ความเสี่ยงของการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ติดลบในระยะสั้น ได้เพิ่มขึ้นมาเนื่องจากผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจ และการเงินสาธารณะจากเชื้อไวรัสโคโรน่า แล้วการตอบสนอง และนโยบายการคลังที่จำเป็น เพื่อให้สอดคล้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ไม่มีแผนการที่น่าเชื่อถือเป็นฐาน สำหรับประเทศที่มีความท้าทายในด้านการเงินสาธารณะ และหนี้ภาครัฐในระยะยาว " เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะหดตัวไปราวๆ 3% ในปี 2020 ถ้าหากเชื้อไวรัสถูกกักกันไว้ในช่วงครึ่งหลัง ทาง Fitch คาดการณ์ว่าการเติบโตที่แท้จริง จะเกิดขึ้นมาอย่างมากในช่วงปี 2021 Fitch กล่าวว่า สภาคองเกรสกำหนดโครงการกระตุ้นไว้ในมูลค่าถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นมาตรการสำหรับรายได้ และรายจ่าย ฟิทช์กล่าวเพิ่มเติมไว้ว่า ระดับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และยังรวมไปถึงส่วนของมาตรการคลัง ที่ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนๆใดๆ จะเป็นการพิจารณาของการจัดอันดับที่สำคัญ

[Pipat]

ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกาเตรียมออกโครงการใหม่เพื่ออัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงิน

ธนาคารกลางแห่งสหรัฐในวันพุธนี้ได้ตัดสินใจ ที่จะนำเสนอวงเงินสินเชื่อใหม่ เพื่อรองรับการไหลเวียนของสินเชื่อที่ราบรื่น ต่อครัวเรือน และธุรกิจ เนื่องจากการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรน่า มีผลกระทบอย่างมากต่อตลาดการเงิน คณะกรรมการได้เปิดตัวกองทุนรวมตลาดเงินแบบ Money Market Mutual Fund Liquidity Facility หรือ MMLF กองทุนนี้จะให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน เพื่อซื้อทรัพย์สินจากกองทุนรวมตลาดเงิน ทางกระทรวงการคลังจะมอบเงินเป็นจำนวน 10,000 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการนี้ ธนาคารกล่าวในแถลงการณ์ว่า กองทุนรวมตลาดเงินเป็นเครื่องมือการลงทุนทั่วไป สำหรับครอบครัว, ธุรกิจ และบริษัทต่างๆ เฟดกล่าวเสริมไว้ว่า "MMLF จะช่วยเหลือกองทุนรวมตลาดเงิน ในการตอบสนองความต้องการในการฟื้นตัวของภาคครัวเรือน และนักลงทุนอื่นๆ เสริมการทำงานของตลาดโดยรวม และการให้สินเชื่อแก่เศรษฐกิจในวงกว้าง" การประกาศของเฟดเกิดขึ้นมาหลังจากธนาคารกลางยุโรป ประกาศโครงการซื้อพันธบัตรฉุกเฉินมาเป็นมูลค่าถึง 750 พันล้านยูโร ในส่วนอื่น ธนาคารกลางแห่งออสเตรเลียตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย ลงไปสู่ระดับต่ำสุด และซื้อพันธบัตรรัฐบาลต่อไป

[PatCKY.CH24]

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา แต่ยังส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไปที่จะมาถึงอีกด้วย โดยทางฝั่งพรรครีพับลิกันมองว่ามันเป็นอุปสรรคต่อการลงเลือกตั้ง เพื่อดำรงตำแหน่งเป็นวาระที่สองของนายทรัมป์ แล้วผู้ลงคะแนนเสียงอาจมองว่ามันเป็นจุดอ่อนของการบริหารของเขาอีกด้วย เพราะปกติแล้วนายทรัมป์สามารถใช้การทวีตข้อความเพื่อจัดการกับตลาดหุ้นได้ แต่คราวนี้มันกลับไม่ได้ผล เพราะข่าวด้านลบจากเชื้อไวรัสมีผลมากกว่า ตลาดหุ้นจึงอาจทรุดตัวลงแล้วส่งผลต่อการเมืองต่อมาอย่างแน่นอน

[Yellowjixn]

จากการรายงานข้อมูลด้านการจ้างงานในสหรัฐอเมริกาแสดงให้เห็นถึง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราการว่างงานอยู่ที่ 3.5% นับว่าเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม ปี1969 สำหรับการจ้างงานเพิ่มขึ้นมา 145,000ตำแหน่ง ซึ่งอาจน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระบุไว้ใน 164,000ตำแหน่ง ส่วนการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 256,000ตำแหน่ง

[Pipat]

เงินดอลลาร์เคลื่อนตัวในขอบเขตที่แคบในช่วงวันซื้อขายก่อนหน้าวันคริสต์มาส

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เคลื่อนตัวอยู่ในขอบเขตที่แคบ ในช่วงของการซื้อขายเบาบางในวันหยุด ภายในวันอังคาร เนื่องจากการขาดข้อมูลทางเศรษฐกิจ และตัวเร่งปฏิกิริยาตัวอื่นๆ การเคลื่อนไหวของสกุลเงินส่วนใหญ่ซบเซาลงไปในเซสชั่นนี้ ดัชนีเงินดอลลาร์ ซึ่งปรับตัวลงไปสู่ระดับที่ 97.62 จากเดิมอยู่ที่ระดับ 97.80 ล่าสุดอยู่ที่ 97.68 ซึ่งเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยจากระดับปิดก่อนหน้านี้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงไปเล็กน้อยที่ 1.1087ดอลลาร์ เทียบกับยูโร หลังจากที่เคลื่อนตัวไประหว่างระดับ 1.1070ดอลลาร์ และ 1.1096 ดอลลาร์ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นมาประมาณ 0.18% โดยอยู่ที่ 1.2958 ดอลลาร์ และเงินเยนของญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในระดับ 109.38 ดอลลาร์ เงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นมาเล็กน้อยในการซื้อขายของ คู่สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและ ดอลลาร์สหรัฐ (AUD-USD) ที่ระดับ 0.6926 ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาถึง 0.4% ในระดับ 1.3167 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์แคนาดา ขณะที่เพิ่มขึ้นมาถึง 0.16% เมื่อเทียบกับเงินฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9803 ประเทศจีนได้ประกาศแผนการลดภาษีลงไป สำหรับผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา นาย Donald Trump ออกมากล่าวว่า จะมีการลงนามในข้อตกลงด้านการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา กับจีนในเร็วๆนี้ นอกเหนือจากนั้น นายกรัฐมนตรีของจีน คุณ Li Keqiang กล่าวว่ารัฐบาลจะศึกษามาตรการเพิ่มเติม เพื่อลดต้นทุนทางการเงินสำหรับบริษัทขนาดเล็ก