สภาวะเศรษฐกิจและการเมืองทั่วไปของสหรัฐอเมริกา

[Pipat]

เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นมา เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ

เงินดอลลาร์สหรัฐได้แข็งค่าขึ้นมา เมื่อเทียบกับคู่แข้งที่สำคัญที่สุดในช่วงก่อนถึงเวลาของยุโรป ในวันจันทร์ เงินดอลลาร์สหรัฐ ได้ปรับตัวลงมาที่ 0.6734 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์นิวซีแนด์, 0.7386 เทียบกับเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย และ 1.3013 เทียบกับเงินดอลลาร์แคนาดา จากระดับต่ำสุดที่อยู่ใน 0.6756, 0.7405 และ 1.2987 ตามลำดับ เงินดอลลาร์ได้ปรับตัวขึ้นมาในระดบัสูงในรอบหนึ่งเดือนกว่าที่ 1.1550 เมื่อเทียบกับเงินยูโร หลังจากที่ได้ร่วงลงมาที่ 1.1571 ในเวลา 17.00 น. ตามเวลามาตรฐานระดับโลก เงินดอลลาร์สหรัฐได้ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 1.2985 และ 0.9960 ตามลำดับ หลังจากที่ได้ปรับตัวย้อนกลับมาจากระดับต่ำสุดที่ 1.3006 เมื่อเทียบกับปอนด์และ 0.9932 เมื่อเทียบกับเงินฟรังค์ ถ้าหากเงินดอลลาร์สหรัฐ ได้ปรับตัวขึ้นมาเพื่อเติม มันก็อาจจะไปพบกับแนวต้านที่ราวๆ 1.20 เมื่อเทียบกับเงินปอนด์, 1.01 เมื่อเทียบกับเงินฟรังก์, 1.13 เมื่อเทียบกับเงินยูโร, 1.32 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์แคนาดา, 0.72 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและ 0.66 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์

[Pipat]

ราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับด้านล่าง

ราคาน้ำมันดิบ ได้ปรับตัวลดลงไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีข้อมูล ออกมาจากกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐอเมริกา ที่ได้แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มากที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี ภายในไตรมาสที่สอง นับตั้งแต่ที่ข้อมูลไม่ได้ตรงตามการคาดการณ์ มันก็ไม่สามารถที่จะไปกระตุ้นการซื้อในตลาดหุ้นได้มากขึ้น หรือในตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าโภคภัณฑ์อีกด้วย เป็นที่ทราบกันดีในวงกว้างว่า ผลกระทบจากการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกา ต่ออิหร่าน ที่มาพร้อมกับน้ำมันดิบ ได้รับการพิจารณารวมเข้ามาด้วยแล้ว และได้ทำให้น้ำมันดิบ ไม่สามารถสร้างความคืบหน้าใดๆ ได้มากนัก สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า ในเดือนกันยายน ได้ปิดตัวที่ 0.92 ดอลลาร์ หรือใน 1.3% ที่ระดับ 68.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าในนิวยอร์ก อ้างอิงจากการรายงานของคุณ Baker Hughes ที่ระบุถึงจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมา 3 แท่น จากบริษัทผู้ให้บริการด้านพลังงาน ในรอบสัปดาห์ของวันที่ 27 เดือนกรกฎาคม ซึ่งทำให้แท่นขุดเจาะน้ำมันทั้งหมดมีจำนวนทั้งสิ้น 863 แท่น ส่วนนี่ก็เป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ที่มีการเพิ่มแท่นขุดเจาะขึ้นมา แม้ว่าการหยุดการผลิตน้ำมันดิบในซาอุดิอาระเบีย และปริมาณน้ำมันดิบคงเหลือที่ลดลงไป ในสหรัฐอเมริกา ได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในช่วงสัปดาห์แรก เพิ่มขึ้นมา โดยยังมีการรายงานว่า ประเทศรัสเซียจะผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นไปประมาณ 250,000 บาร์เรลต่อวัน และการเพิ่มขึ้นของแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐอเมริกา ก็ทำให้ราคาลดระดับลงไปในวันนี้ มีความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของอุปสงค์ หลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ได้คาดการณ์ถึงยอด GDP ของประเทศจีน ว่าจะขยายตัวขึ้นมาถึง 6.6% ภายในปีนี้ซึ่งลดลงไปต่ำกว่าระดับที่ 6.9% ในปีที่ผ่านมาเล็กน้อย

[Pipat]

เงินดอลลาร์สหรัฐได้ร่วงลงมาเมื่อเทียบกับค่าเงินอื่นๆ

เงินดอลลาร์สหรัฐ ได้ปรับตัวลดลงไป เมื่อเทียบกับคู่สกุลเงินหลักในช่วงก่อนหน้ายุโรปเซสชั่นของวันจันทร์ เงินดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 วันที่ 1.0005 เทียบกับเงินฟรังค์ จากระดับสูงที่ 1.0024 ไปใยเวลา 7.10 น. ตามเวลามาตรฐานท้องถิ่น เงินดอลลาร์สหรัฐ ได้ปรับตัวลงไปในระดบัต่ำที่ 0.6783 จากที่ได้ปรับตัวมาจากระดับสูงในตอนแรกที่ 0.6758 เงินดอลลาร์สหรัฐ ได้อ่อนตัวลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 วันที่ 1.1707 เมื่อเทียบกับเงินยูโร, ที่ 1.3251 เทียบกับปอนด์ , ที่0.7440 เทียบกับเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย และ 1.3137 เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์แคนาดา จากระดับสูงสุดที่ 1.1676, 1.3225, 0.7409 และ 1.3163 ตามลำดับ เงินดอลลาร์ได้อ่อนตัวลงไปแตะระดับที่ 112.34 ต่อเงินเยน โดยที่ยังมุ่งหน้าเพื่อไปหาระดับต่ำสุดในรอบ 4 วันที่ 112.20 เงินดอลลาร์สหรัฐ มีแนวโน้มที่จะพบกับแนวรับราวๆ 0.98 เมื่อเทียบกับเงินยูโร, 1.19 เมื่อเทียบกับเงินปอนด์, ที่ 111.00 เยนเทียบกับค่าเงินเยน, 0.76 ต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย, 0.69 ต่อเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์และ 1.30 เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์แคนาดา

[Pipat]

ผลการประชุมของธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ที่ระบะถึง การปรับตัวลงของเศรษฐกิจ ที่ความกังวลยังอยู่ในการลดระดับทางการค้า

ตามรายงานการประชุมเดือนมิถุนายนของเฟดที่ได้ระบุว่า ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ตั้งใจที่จะเริ่มกดดันต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าจะมีความวิตกเพิ่มขึ้นมา เกี่ยวกับสงครามการค้าที่เกิดขึ้นจริง ในที่ประชุม ทางเฟดได้ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น และคาดการณ์ถึง การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งสี่ครั้งในปี 2018 แทนที่จะเป็นไปนแผนการเดิมที่ 3 ครั้ง อย่างไรก็ตามธนาคารกลาง ก็ยังคงรักษาแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไว้ในสามครั้งในปี 2019 ในรายงานยังแสดงถึง "ความเสี่ยงด้านลบต่อเศรษฐกิจ จากนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกามีความเข้มข้นมากขึ้น" แม้ว่า "ข้อมูลที่ได้ตรวจสอบ จากการประชุมของวันที่ 12-13 เดือนมิถุนายน ได้แสดงให้ทราบว่า สภาวะของตลาดแรงงาน ยังคงแข็งแกร่งขึ้นมา ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ที่แท้จริง ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่มาก ในช่วงครึ่งแรกของปี " ทางด้านผู้เข้าร่วมประชุมโดยส่วนใหญ่ ยังคงเห็นการเปลี่ยนแปลงในด้านนโยบายการคลังล่าสุดในส่วนของการลดภาษี จากรัฐบาลของนาย Trump เมื่อมีการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และมีเพียงไม่กี่อย่างที่แสดงให้ทราบว่านโยบายการคลังมีความเสี่ยงสูงจากการทำผลกำไร พวกเขาได้มองว่า การดำเนินการตามการกระชับนโยบายตามลำดับ จะทำให้ความสมดุลของ ความเสี่ยงในการเคลื่อนตัวเกิดขึ้นเร็วเกินไป ซึ่งอาจทำให้เงินเฟ้อไม่สามารถย้อนกลับคืนสู่เป้าหมายของทางคณะกรรมการได้ เมื่อเทียบกับความเสี่ยงในการเคลื่อนตัวช้าเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมา หรือความไม่สมดุลทางการเงิน

[Pipat]

เครดิตผู้บริโภคสหรัฐฯเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้ในเดือนเมษายน

เครดิตของผู้บริโภคในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้ในเดือนเมษายนตามรายงานของ Federal Reserve ในวันพฤหัสบดีที่ เฟดระบุว่าสินเชื่อผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 9.2 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายนหลังจากที่เพิ่มขึ้น 12.3 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมีนาคม นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าสินเชื่อผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น 13.8 พันล้านเหรียญ สินเชื่อผู้บริโภคเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อที่ไม่หมุนเวียนเช่นสินเชื่อเพื่อการศึกษาและสินเชื่อรถยนต์ซึ่งเพิ่มขึ้น 7.0 พันล้านเหรียญในเดือนเมษายนหลังจากที่เพิ่มขึ้น 13.4 พันล้านเหรียญในเดือนมีนาคม รายงานระบุว่าสินเชื่อหมุนเวียนซึ่งส่วนใหญ่สะท้อนถึงหนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 2.2 พันล้านเหรียญในเดือนเมษายนหลังจากที่ลดลง 1.1 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก่อนหน้า สินเชื่อผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 ในเดือนเมษายนเนื่องจากเครดิตหมุนเวียนและสินเชื่อหมุนเวียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 และร้อยละ 2.6 ตามลำดับ

[Nanny]

ยอดขายสินค้าคงคลังในสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนเมษายน

สินค้าคงเหลือสินค้าขายส่งปรับตัวสูงขึ้นในเดือนเมษายนตามรายงานของฝ่ายการพาณิชย์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาขณะที่ยอดขายขายส่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รายงานกล่าวว่าสินค้าคงเหลือขายส่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ในเดือนเมษายนหลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนมีนาคม การเพิ่มขึ้นของสินค้าคงเหลือสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์และเป็นการปรับเพิ่มขึ้นจากการอ่านเบื้องต้นที่แสดงถึงสินค้าคงเหลือไม่เปลี่ยนแปลง สินค้าคงทนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ในเดือนเมษายนหลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ในเดือนมีนาคมโดยมีการเพิ่มขึ้นของสินค้าคงเหลือในโลหะและฮาร์ดแวร์ซึ่งได้รับการชดเชยจากการลดลงของสินค้าคงเหลือในกลุ่มเฟอร์นิเจอร์และสินค้าคงทนที่มีความผันผวน กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าสินค้าคงเหลือที่ไม่คงทนมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ลดลง 0.6% ในเดือนมีนาคม การเพิ่มขึ้นของสินค้าคงเหลือในฟาร์มและปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถูกหักล้างโดยการลดลงของสินค้าคงเหลือของยากระดาษและสารเคมีอย่างมาก ขณะที่รายงานยอดขายขายส่งเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนเมษายนหลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก่อนหน้า ยอดขายสินค้าคงทนเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนเมษายนหลังจากปรับลดลง 0.1% ในเดือนมีนาคมขณะที่ยอดขายสินค้าที่ไม่คงทนเพิ่มขึ้น 0.7% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.8%

[Pipat]

เครดิตผู้บริโภคสหรัฐฯเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้ในเดือนเมษายน

เครดิตของผู้บริโภคในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้ในเดือนเมษายนตามรายงานของ Federal Reserve ในวันพฤหัสบดีที่

เฟดระบุว่าสินเชื่อผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 9.2 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายนหลังจากที่เพิ่มขึ้น 12.3 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมีนาคม นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าสินเชื่อผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น 13.8 พันล้านเหรียญ

สินเชื่อผู้บริโภคเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อที่ไม่หมุนเวียนเช่นสินเชื่อเพื่อการศึกษาและสินเชื่อรถยนต์ซึ่งเพิ่มขึ้น 7.0 พันล้านเหรียญในเดือนเมษายนหลังจากที่เพิ่มขึ้น 13.4 พันล้านเหรียญในเดือนมีนาคม

ในขณะเดียวกันรายงานระบุว่าเครดิตหมุนเวียนซึ่งสะท้อนถึงหนี้สินบัตรเครดิตส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น 2.2 พันล้านเหรียญในเดือนเมษายนหลังจากที่ลดลง 1.1 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก่อนหน้า

สินเชื่อผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 ในเดือนเมษายนเนื่องจากเครดิตหมุนเวียนและสินเชื่อหมุนเวียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 และร้อยละ 2.6 ตามลำดับ

[Toy]

สหรัฐฯเป็นประเทศเดียวที่สามารถเข้าถึงหนี้สินนับล้านล้านเหรียญได้และนี่ไม่ใช่สิ่งที่ดี
รัฐบาลจะล้มละลายจนกว่าพวกเขาจะทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้
ขณะที่จีนกำลังเก็บเงินสำรองไว้ในทองและคลังของสหรัฐฯ

[Pipat]

การรับสวัสดิการของผู้ว่างงานรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกา ได้ลดลงไปมากกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้

อ้างอิงการรายงานจากกระทรวงแรงงานที่ได้ออกมานำเสนอข้อมูลในวันพฤหัสบดีว่า การรับสวัสดิการครั้งแรกของผู้ว่างงานในสหรัฐอเมริกา พบว่าได้ลดลงไปมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงสัปดาห์ของวันที่ 13 เดือนมกราคม โดยในรายงานได้ระบุไว้ว่า การรับสวัสดิการของผู้ว่างงานได้ลดลงไป 220,000 ราย ซึ่งลดลงไป 41,000 ราย จากช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในระดับ 261,000 ราย ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ได้คาดว่า การรับสวัสดิการของผู้ว่างงานน่าจะลดลงไป 250,000 ราย

[Pipat]

Donald Trump เป็นที่น่าสนใจในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และตลาดเคลื่อนไหวมากตั้งแต่เขาเริ่มรับตำแหน่ง
ในความเป็นจริง การลงทุนในตลาดหุ้นพุ่งขึ้นเป็นเวลานานนับตั้งแต่เขาได้รับการเลือกตั้งเป็นครั้งแรก