สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้ามีการขยายตัวเกิดขึ้นถึง 8 เซสชั่นติดต่อกัน
ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ในวันพุธ โดยเพิ่มขึ้นเป็นเซสชั่นที่ 8 ติดต่อกัน ระหว่างที่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับ อุปสงค์ด้านพลังงานและ จากข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า ปริมาณน้ำมันดิบในสหรัฐกำลังลดลง ความกังวล เกี่ยวกับอุปสงค์ด้านพลังงาน ได้ลดลงไปเล็กน้อย หลังจากที่มีการหารือกันทางการค้าของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ระหว่างสหรัฐอเมริกาและ เจ้าหน้าที่ของประเทศจีน ในตอนนี้มีการคาดการณ์ไว้ว่า ทั้งสองประเทศจะบรรลุข้อตกลงการค้าได้ ก่อนวันที่ 1 เดือนมีนาคม ตามที่กำหนดโดยประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา Donald Trump และประธานาธิบดีของจีน คุณ Jin Jinping ตามเดือนที่แล้ว ในการประชุม G20 ในประเทศอาร์เจนตินา ข้อมูลที่นำเสนอออกมาจากทาง สำนักงานข้อมูลพลังงานในวันนี้ แสดงให้เห็นว่า ปริมาณน้ำมันดิบลดลงไปเป็น 1.68 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่แล้วจนถึงวันที่ 4 เดือนมกราคม หลังจากที่ลดลงไปประมาณ 1.4 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ก่อนหน้า อย่างไรก็ตามการลดลงนี้ ก็ถือว่าน้อยกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ ปริมาณน้ำมันเบนซิลคงเหลือ เพิ่มขึ้นมาถึง 8.07 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ปริมาณการกลั่นน้ำมัน เพิ่มขึ้นมาเป็น 10.61 ล้านบาร์เรล สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า ในเดือนกุมภาพันธ์ ปิดตัวที่ระดับ 2.58 ดอลลาร์หรือ 5.2% ที่ระดับ 52.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในวันอังคารที่ผ่านมา สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า ปิดตัวที่ระดับ 1.26 ดอลลาร์หรือ 2.6% อยู่ในระดับที่ 49.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของประเทศซาอุดิอาระเบีย ออกมารายงานว่า ได้แสดงความมั่นใจถึง การดำเนินการในการหยุดการผลิตตามโอเปกและ ประเทศพันธมิตร จะทำให้ตลาดน้ำมันเข้าสู่ความสมดุล เว้นแต่จะมีความคืบหน้าที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น คุณ Khalid al-Falih ยังกล่าวอีกว่า เขาจะไม่ขัดขวาง ให้มีการดำเนินการต่อไปจากทางองค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและ ประเทศพันธมิตรในอนาคต ยังกล่าวเสริมอกว่า สภาวะตลาดดูดีขึ้น เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คุณ Suhail Al Mazroui ยังกล่าวว่า สนธิสัญญาน้ำมันในระดับโลกที่ลดการผลิตลงไป 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน นั้นเพียงพอที่จะสร้างความสมดุลให้กับตลาดน้ำมัน นักลงทุนหลายคนไม่สนใจกับการรายงาน ธนาคารโลก ที่ชี้ให้เห็นถึง การเติบโตทั่วโลกจะลดลงไปเหลือ 2.9% ในปีนี้ จากเดิมอยู่ที่ระดับ 3% ในปี 2018 ตามการขาดทุนหลายส่วนที่เกิดขึ้น ธนาคารได้กล่าวว่า “ แนวโน้มเศรษฐกิจในระดับโลกหม่นลง ส่วนสภาวะทางการเงินทั่วโลกตึงตัวขึ้น, การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลง, ความตึงเครียดทางการค้าทวีความรุนแรงมากขึ้นและ ตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่และประเทศที่กำลังพัฒนาบางแห่ง กำลังประสบกับปัญหาความตึงเครียดในตลาดการเงินที่รุนแรง”