สภาวะเศรษฐกิจและการเมืองทั่วไปของสหรัฐอเมริกา

[Wealthup]

ตลาดสหรัฐร่วงลงอย่างมีนัยสำคัญในการซื้อขายในวันพุธ กระทบยันเอเชียในเช้าวันพฤหัสบดี S&P500 ของสหรัฐร่วงลงมากกว่า 4% ในวันนี้ ซึ่งเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020 Nasdaq ตอนนี้อยู่ที่ 5.5% ต่ำกว่าช่วงเริ่มต้นของวันในวันพุธ
มุมมองเชิงลบครั้งนี้เกิดจากรายงานที่น่าผิดหวังจากผู้ค้าปลีกรายใหญ่ในสหรัฐยักษ์ใหญ่อย่าง Walmart, Target และ Amazon ต้องเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากราคาซื้อและพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น ประกอบกับต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความกลัวว่าการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้น

การชะลอของเติบโตเงินเฟ้อตัวเป็นช่วงเวลาทองสำหรับผู้ค้าปลีกและตลาดหุ้นโดยรวม เหมือนที่เกิดขึ้นในปี 1970 และ 1980 และช่วงที่อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำอย่างเรื้อรังในปี 2010 ซึ่งเราอาจจะต้องอดทนสักสองสามเดือน แม้ยังไม่แน่ใจได้เลยว่ามันถึงจุดสูงสุดแล้วจริง ๆ

ทั้งนี้ง ยังเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อเมื่อดูราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นในร้านค้า แต่ควรพิจารณาถึงความผันผวนที่ลดลงในตลาดพลังงานและการลดลง 15% ในโลหะพื้นฐาน ขณะที่ เงินหยวนของจีนซึ่งลดลง 6.4% ในเดือนที่ผ่านมา ยังทำหน้าที่เป็นตัวยับยั้งอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญในสหรัฐและที่อื่นๆ ดังนั้น การเทขายในตลาดเมื่อวานนี้ และความวิตกของนักลงทุนที่ยังคงอยู่ในวันพฤหัสบดี จึงเป็นการประกาศถึงจุดสูงสุดของภาวะตื่นตระหนก และอาจตามมาด้วยการดีดตัวขึ้นในภายหลัง

แหล่งข่าว US market nears peak panic โดย Alex Kuptsikevich - FxPro senior market analyst

[Pipat]

เงินดอลลาร์ขึ้นสู่จุดยอดใหม่ในรอบ20ปีจากความต้องการในสินทรัพย์ปลอดภัย

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีในวันจันทร์นี้ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางความคาดหวังที่สูงขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะกระชับนโยบายอย่างจริงจังเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 3.18% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2018 การขายออกในตลาดหุ้นทั่วโลกอันเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตที่ชะลอตัวได้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ดัชนีค่าเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นไปเป็น 104.19 ในช่วงเซสชั่นเอเชีย แต่ค่อนข้างซบเซาลงเล็กน้อยและยังคงเคลื่อนตัวเข้าและออกจากพื้นที่แดนบวกต่อจากนั้น ครั้งล่าสุดเห็นอยู่ที่ประมาณ 103.70 ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการปิดครั้งก่อน เงินดอลลาร์ซื้อขายที่ 1.0560 ดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโร หลังจากแข็งค่าที่ 1.0496 ดอลลาร์ต่อหน่วยของสกุลเงินยุโรปเมื่อช่วงแรกของรอบวัน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปอนด์สเตอร์ลิงที่ 1.2333 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับ 1.2340 ดอลลาร์ในวันศุกร์ เงินเยนแข็งค่าขึ้นที่ 130.25 ดอลลาร์จาก 130.54 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์อสเตรเลีย โดยเงินดอลลาร์อยู่ที่ 0.6949 ที่แข็งขึ้นจาก 0.7077 เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเกือบ 0.5% เมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส โดยอยู่ที่ chf 0.9932 ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์แคนาดา โดยแข็งค่าที่ 1.3013 ดอลลาร์แคนาดา ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 1% เนื่องจากราคาน้ำมันดิ่งลงอย่างรวดเร็วท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มความต้องการพลังงาน

[Pipat]

ฟิวเจอร์สทองคำปิดตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นในวันพฤหัสบดี เนื่องจากการเทขายออกในตลาดหุ้นและแนวโน้มลดการกระชับทางนโยบายจากธนาคารกลางแห่งสหรัฐที่ทำให้อุปสงค์ของโลหะสีเหลืองปลอดภัยเพิ่มขึ้น ดัชนีดาวโจนส์ได้ร่วงลง 3.25% ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ร่วงลง 3.7% และ 5.2% ตามลำดับ ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจำกัดของทำกำไรของทองคำ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งร่วงลงเมื่อวันพุธหลังจากประธานเฟด Jerome Powell ไม่ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุก ซึ่งดีดตัวขึ้นในวันนี้ โดยพุ่งขึ้นสู่ระดับ 103.94 โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 1.3% ฟิวเจอร์สทองคำสำหรับเดือนมิถุนายนปิดสูงขึ้นถึง 6.90 ดอลลาร์หรือประมาณ 0.3% ที่ 1,875.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ฟิวเจอร์สเงินสำหรับเดือนกรกฎาคมปิดที่ $0.041 ในระดับ $22.443 ต่อออนซ์ ขณะที่ฟิวเจอร์สทองแดงสำหรับเดือนกรกฎาคมปิดที่ 4.2915 ดอลลาร์ต่อปอนด์ โดยลดลง 0.0465 ดอลลาร์จากการปิดก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางแห่งสหรัฐประกาศการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 จุดในวันพุธและส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่คล้ายกันอีกสองสามรอบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ไม่รวมกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกมากขึ้น หลังจากสรุปแผนการที่จะลดงบดุลของเฟดเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว ประธานเฟด Jerome Powell กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังลดลงและเศรษฐกิจยังคงทำงานได้ดี เขาแสดงความมั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐสามารถสร้าง "การทิ้งตัวลงอย่างนุ่มนวล" ซึ่งควบคุมอัตราเงินเฟ้อโดยไม่ส่งเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ข้อมูลที่ออกโดยกระทรวงแรงงานเมื่อเช้านี้แสดงให้เห็นว่าผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน โดยเพิ่มขึ้น 19,000 รายจากระดับที่ปรับแล้วในสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 181,000 ราย นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะเพิ่มขึ้นไปเป็น 182,000 จากเดิม 180,000 รายเดิมที่รายงานในสัปดาห์ก่อน รายงานอีกฉบับจากกระทรวงแรงงานระบุว่าผลิตภาพแรงงานลดลงถึง 7.5% ในไตรมาสแรก ซึ่งแสดงถึงการลดลงที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่สามของปี 1947 เทรดเดอร์ยังคงรอตอยถึงการเปิดเผยรายงานการจ้างงานรายเดือนของกระทรวงแรงงานอันเป็นที่จับตามองกันอย่างใกล้ชิดในวันศุกร์ นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นถึง 391,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายน หลังจากเพิ่มขึ้น 431,000 ตำแหน่งในเดือนมีนาคม ขณะที่อัตราการว่างงานคาดว่าจะลดลงเหลือ 3.5% จาก 3.6%

[Pipat]

ฟิวเจอร์สน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากสหภาพยุโรปแบนน้ำมันรัสเซียที่มีราคาสูงขึ้น

แม้ข้อมูลจะแสดงให้เห็นว่าปริมาณน้ำมันของสหรัฐได้เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 เมษายน แต่ราคาน้ำมันดิบกลับพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในวันพุธ โดยได้ยกเลิกการตัดสินใจของสหภาพยุโรปที่จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซีย คณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศมาตรการหลายประการ รวมถึงแผนการที่จะยุติการจัดหาน้ำมันดิบของรัสเซียภายในหกเดือน และยุติผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการกลั่นภายในสิ้นปี 2022 คุณ Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปยังเสนอให้ถอดธนาคาร Sberbank ที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซียและธนาคารอื่นอีก 2 แห่งออกจากธุรกรรม SWIFT ระหว่างประเทศและถอนออกจากระบบการรับส่งข้อความ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรครั้งที่ 6 เพื่อลงโทษรัสเซียจากการทำสงครามในยูเครน ฟิวเจอร์สราคาน้ำมันดิบของ West Texas Intermediate สำหรับเดือนมิถุนายนพุ่งขึ้น 5.58 ดอลลาร์หรือเกือบ 5.5% มาที่ 107.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานเปิดเผยว่า ฟิวเจอร์สราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้น 5.50 ดอลลาร์หรือ 5.23% ที่ 110.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อไม่นานมานี้ ปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นถึง 1.302 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว พอเทียบกับการคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 0.830 ล้านบาร์เรล ปริมาณน้ำมันเบนซินลดลงถึง 2.230 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าการลดลงที่คาดไว้ประมาณ 1 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณน้ำมันกลั่นลดลง 2.344 ล้านบาร์เรล เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ใน 0.589 ล้านบาร์เรล องค์กร American Petroleum Institute ในวันพฤหัสบดีรายงานว่าปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 3.48 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว รายงานระบุว่าปริมารน้ำมันกลั่นลดลง 4.46 ล้านบาร์เรล และปริมาณน้ำมันเบนซินลดลง 4.5 ล้านบาร์เรล ขณะเดียวกันตลาดกำลังรอคอยการประชุมขององค์กรประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและประเทศพันธมิตรในวันพฤหัสบดีนี้ กลุ่มนี้เรียกโดยรวมว่า OPEC+ คาดว่าจะตัดสินใจให้มีการบันทึกถึงการผลิตรายเดือน

[Wealthup]

เมื่อคืนเฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ย 50 จุดพื้นฐานและส่งสัญญาณทำ QT ในเดือนมิถุนายน ตลาดคาดหวังสิ่งเหล่านี้ แต่รายละเอียดและการคาดการณ์ค่อนข้างไม่ค่อยดีนัก
ประเด็นหลักที่เราเห็น:

- เฟดจะเริ่มขายในเดือนมิถุนายน ในขณะที่ตลาดคาดว่าจะมีการเคลื่อนไหวนี้ในต้นเดือนพฤษภาคม
- โดยช่วง 3 เดือนแรกจะอยู่ที่ 47.5 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่รายงานการประชุมครั้งก่อนระบุว่ามีการหารือสำหรับมูลค่า 95,000 ล้านดอลลาร์
- พาวเวลล์ปฏิเสธแนวคิดที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 จุดในการประชุมครั้งต่อไป

การเคลื่อนไหวในปัจจุบันควรถูกมองว่านุ่มนวลกว่าที่ผู้สังเกตการณ์หลายคนประมาณการไว้ จากมุมมองนี้ เฟดยังคงรักษาความต่อเนื่องบางอย่างกับท่าทีก่อนนี้ ทั้งนี้ อาจเป็นไปได้ว่า GDP ที่ลดลงเหนือคาดการณ์เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่ง กอปกรกับการขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับตลาดตราสารทุนและตราสารหนี้อาจต้องใช้เวลาหนึ่งหรือสองสัปดาห์ในการปรับตำแหน่งใหม่ แต่นักลงทุนควรตระหนักว่าเฟดค่อนข้างจะเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้

สถานการณ์นี้กับดอลลาร์นั้นซับซ้อนกว่าเนื่องจากการเคลื่อนไหวนั้นขึ้นอยู่กับนโยบายการเงินของธนาคารกลางอื่นๆ แม้จะฟังดูนุ่มนวลกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่เฟดก็ยังคงเข้มงวดกว่าธนาคารกลางอื่น ๆ ดังนั้น โมเมนตัมขาขึ้นใหม่อาจตามมาด้วยการอ่อนตัวลงในช่วงสั้นๆ ในสกุลเงินสหรัฐจนกว่าคู่แข่งจะมีความเร็วเท่ากันหรือมากกว่าเฟด

แหล่งข่าว Fed’s less hawkish tone triggers dollar correction, equities pullback โดย Alex Kuptsikevich - FxPro senior market analyst

[Wealthup]

ดอลลาร์อยู่ใกล้จุดสูงสุด เช่นเดียวกับดัชนีค่าเงินดอลลาร์อยู่ใกล้จุดสูงสุดของเดือนมีนาคม 2020 และมกราคม 2017 นักลงทุนและผู้ค้าได้ผลักดันให้เงินดอลลาร์เข้าสู่จุดเปลี่ยนที่สำคัญในช่วงหกปีที่ผ่านมาท่ามกลางสัญญาณเหยี่ยวที่เข้มงวดที่สุดในรอบหลายทศวรรษ

การตัดสินใจของ FOMC ในวันนี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของดอลลาร์ว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ หรือเราเห็นการสร้างโมเมนตัมจากการหาผลประโยชน์ของผู้ซื้อเงินดอลลาร์

ตลาดคาดว่า FOMC จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลักอีก 50 จุด ควบคู่ไปกับการทำ QT และยังเดิมพันเกือบ 100% ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 จุดในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนมิถุนายน ตามด้วย 50 จุดในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่เคยเห็นล่าสุดในช่วงทศวรรษ 1980

หากท่าทางของเฟดออกมาตามคาดการณ์ของตลาดที่ว่าดอกเบี้ยจะกลับสู่ระดับปกติภายในสิ้นปีนี้ เงินดอลลาร์จะได้รับปัจจัยพื้นฐานเพื่อพุ่งขึ้นต่อ โดยอีกด้านหนึ่ง ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าจะช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ แต่ในทางกลับกัน มันอาจทำให้เศรษฐกิจตกต่ำและทำให้เงื่อนไขในการขายพันธบัตรแย่ลง

สำหรับ DXY ในกรณีนี้ growth horizon จะถูกเปิดขึ้นโดยมีเป้าหมายที่เป็นไปได้ใกล้กับจุดสูงสุดในปี 2002-2003 ที่ 120 ในช่วงอีก12-18 เดือนข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าความคิดเห็นจากเฟดอาจจะออกมาแบบไม่ชัดเจน ซึ่งหากเป็นแบบนั้น เฟดจะแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่มีต่อเศรษฐกิจ และลดความคาดหวังสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งจะสร้างการพลิกกลับของเงินดอลลาร์ ซึ่งขณะนี้กำลังเป็นไปตามสถานการณ์จำลองที่จะมีการขึ้นดอกเบี้ย แต่ในกรณี dovish DXY ก็มีโอกาสที่จะสร้างจุดต่ำสุดอีกครั้งและมุ่งสู่จุดต่ำสุดของช่วงปีที่แล้วที่ประมาณ 90 ภายในปี 2023
​
แหล่งข่าว Dollar’s make-or-break point โดย Alex Kuptsikevich - FxPro senior market analyst

[Wealthup]

ราคาน้ำมันดิบร่วงลงมากกว่า 3% ในช่วงเริ่มต้นของช่วงการซื้อขายในนิวยอร์ก โดยเคลื่อนที่รอบ ๆ พื้นที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลสำหรับ WTI ซึ่งเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของตลาดจากรายงานระบุว่าประเทศในสหภาพยุโรปกำลังยกเลิกการห้ามนำเข้าน้ำมันของรัสเซียทีละรายการ

เยอรมนี ตามด้วยออสเตรีย ฮังการี และสโลวาเกีย ต่างประกาศไม่ให้มีการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเยอรมนียังได้ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ทางเทคนิคของการคว่ำบาตรในทันที

ในทางปฏิบัติ ข่าวนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดการซื้อน้ำมันระลอกใหม่ เพราะดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและสัญญาณของการชะลอตัวในจีนและสหรัฐยังคงส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ทั่วโลกสำหรับสินทรัพย์เสี่ยงและน้ำมัน

สัญญาณสำหรับการพักตัวในแนวโน้มขาขึ้นจะเป็นการที่น้ำมันจะสร้างฐานต่ำกว่าบริเวณระดับต่ำสุดก่อนหน้านี้ที่ 95 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม เราสามารถวาดแนวโน้มขาลงตลอดช่วงพีคของเดือนมีนาคมและเมษายน สถานการณ์นี้อาจนำไปสู่การเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งหลังการสร้างฐานสองเดือน

สัปดาห์ข้างหน้าเต็มไปด้วยข้อมูลระดับมหภาคที่อาจทำให้ตลาดสูญเสียสมดุล ตั้งแต่การประชุม OPEC+ และการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป ไปจนถึงการประกาศการตัดสินใจของ FOMC และสถิติการจ้างงานรายเดือนของสหรัฐ

แหล่งข่าว Oil preparing for sharp moves โดย Alex Kuptsikevich - FxPro senior market analyst

[Wealthup]

เมื่อวันศุกร์ S&P500 ของสหรัฐปิดย่อลง 3.6% ขณะที่ Nasdaq ดิ่ง 4.2% หนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020 สิ่งนี้เกิดจากตลาดตอบสนองต่อรายงานที่น่าผิดหวังของบิคเทคอย่าง Amazon และ Apple ซึ่งเป็นเสาหลักในไตรมาสก่อนหน้าแต่กลับร่วงลงถึง 14% และ 3.7% ตามลำดับ

ส่งผลให้ S&P500 ทำผลงานรายสัปดาห์ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่พฤษภาคม 2021 ปีที่แล้ว ดัชนีตกไปอยู่แนวระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งยังคงได้รับการสนับสนุนจากผู้ซื้ออย่างสม่ำเสมอ



แต่คราวนี้สถานการณ์ดูน่าเป็นห่วงมากขึ้น เนื่องจากทั้งผลงานรายสัปดาห์และเดือนปิดตัวลงใกล้ระดับต่ำสุดของวัน ซึ่งการวิเคราะห์ทางเทคนิคระบุว่าการปรับฐาน S&P500 กำลังเข้าสู่พื้นที่ลึกกว่า ซึ่งหากปิดต่ำกว่า 4,200 จุดอาจสะท้อนว่าการปรับฐานนั้นจะลึกลงไปสูงสุดที่ 61.8% ของการแรลลี่หลังเกิดโรคระบาดที่ใกล้ 3,800 จุด

ปัจจัยขาลงในครั้งนี้มาจากท่าทีของเฟดซึ่งนักลงทุนคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 จุดพื้นฐานและการทำ QT ตลอดจนความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 50 จุดพื้นฐานในการประชุมครั้งต่อไป



แหล่งข่าว New correction horizon for US markets โดย Alex Kuptsikevich - FxPro senior market analyst

[Pipat]

ยอดขายบ้านในสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2020

ยอดขายบ้านในสหรัฐฯ ลดลงในเดือนมีนาคมสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020 เนื่องจากสินค้าคงคลังที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ประกอบกับอัตราการจำนองที่สูงขึ้นทำให้การซื้อลดลง


การปิดสัญญาลดลง 2.7% ในเดือนมีนาคมจากเดือนก่อนเป็น 5.77 ล้านต่อปี ตัวเลขจาก National Association of Realtors เปิดเผยเมื่อวันพุธ ตัวเลขนี้สอดคล้องกับประมาณการในการสำรวจของนักเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg

[PatCKY.CH24]

ฝ่ายบริหารของนายโจ ไบเดนได้ออกการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อหน่วยงานและบุคคลหลายสิบรายตามที่มีการกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในความพยายามหลบหลีกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียหลังจากการเข้าบุกในยูเครน โดยกระทรวงการคลังสหรัฐเป็นผู้กำหนดรายชื่อ ครั้งนี้มีบริษัทบิตริเวอร์ เอจีที่ใหญ่เป็นอันดับ3ของโลกและทรานส์แคปิตอลแบงก์