เคลือบเซรามิก เคลือบแก้ว จะช่วยปกป้องผิวรถของคุณ ป้องกันคราบสกปรก คราบน้ำ ฝุ่น รวมถึงรอยขีดข่วนต่าง ๆ ได้อย่างดี นอกจากนี้ ยังทำให้รถมีความเงางามอีกด้วย

การเคลือบแก้ว และการเคลือบเซรามิก เป็นวิธีที่จะช่วยปกป้องสีรถของคุณจากคราบสกปรก รอยขีดข่วน รวมถึงรอยหยดน้ำต่าง ๆ ทั้งยังทำให้ตัวรถมีความเงางาม และสีรถแข็งแรงขึ้นอีกด้วย แล้วการเคลือบเซรามิก และเคลือบแก้วคืออะไร มีความแตกต่างกันหรือไม่ เรามีคำแนะนำมาฝาก ไว้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจก่อนเลือกใช้บริการ

การเคลือบแก้ว คืออะไร ?

การเคลือบแก้ว (Glass Coating) คือการใช้นำยาเคลือบแข็งที่มีสารซิลิก้า (Silica) เป็นส่วนผสมมาเคลือบผิวรถ โดยตัวสารจะมีระดับความแข็งตั้งแต่ 1H-9H เมื่อโดนอากาศจะแข็งตัวและกลายเป็นชั้นฟิล์ม ช่วยป้องกันคราบต่าง ๆ เช่น ฝุ่น หรือรอยขีดข่วนต่าง ๆ ได้อย่างดี นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติที่สามารถเพิ่มความมันวาวให้พื้นผิว เมื่อเคลือบแก้วแล้วจึงดูสวยงาม

Name:  fraber-mag-0359.jpg
Views: 38
Size:  26.4 KB

การเคลือบเซรามิก คืออะไร ?

การเคลือบเซรามิก (Ceramic Coating) คือการเคลือบผิวรถด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแล็กเกอร์ และน้ำยาพิเศษที่มีส่วนผสมของซิลิคอน คาร์ไบด์ SIC ( Silicon Carbide) ที่มีความแข็งระดับ 9H ถูกออกแบบให้มีความคงทน สร้างความเงางาม ต้านสารเคมี และป้องกันคราบสกปรก รวมถึงรอยต่าง ๆ โดยมีอายุการใช้งานขั้นต่ำประมาณ 3 ปี

Name:  bonnetbanner-b53f.jpg
Views: 75
Size:  38.7 KB

ราคาในการเคลือบแก้ว และเคลือบเซรามิก จะเริ่มต้นที่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสน ขึ้นอยู่กับขนาดของรถ เนื่องจากมีต้นทุนที่สูงมากในการทำ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ก็มีราคาแพงกว่า ราคาจึงสูงตามไปด้วยนั่นเอง แต่สำหรับใครที่อยากลดต้นทุน ก็สามารถซื้อผลิตภัณฑ์มาทำเองได้ที่บ้าน ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างดีเลยทีเดียว

นอกจากนี้ รถที่นำไปเคลือบแก้วหรือเคลือบเซรามิกจะต้องดูแลรักษาเป็นประจำ ขั้นต่ำคือทุก ๆ 6 เดือน เพื่อล้างคราบสกปรกต่าง ๆ คราบฝุ่น รวมถึงคราบน้ำต่าง ๆ ออก เป็นการยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น ดังนั้น เจ้าของรถต้องเช็กระยะประกันให้ดี เพราะทางอู่หรือศูนย์จะรับประกันเคลือบแก้วหรือเคลือบเซรามิกตั้งแต่ 3-5 ปี

เคลือบเซรามิกและเคลือบแก้ว ต่างกันอย่างไร ?

แม้จะมีความคล้ายกัน แต่การเคลือบรถยนต์ทั้งสองประเภทก็มีความแตกต่างกันอยู่ ดังนี้

  • การเคลือบเซรามิกจะให้ความเงางามมากกว่าการเคลือบแก้ว
  • การเคลือบเซรามิกมีความคงทนมากกว่าการเคลือบแก้ว โดยการเคลือบเซรามิกจะมีอายุขั้นต่ำประมาณ 3-5 ปี ส่วนการเคลือบแก้วจะมีอายุขั้นต่ำประมาณ 1 ปี
  • การเคลือบเซรามิกมีราคาสูงกว่าการเคลือบแก้ว เนื่องจากมีต้นทุนสูงกว่า แต่ก็มีอายุการใช้งานนานกว่า

เคลือบเซรามิก เคลือบแก้ว สามารถทำได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ ที่บ้าน หรือหากรักความสะดวกสบายก็สามารถทำเข้าอู่หรือศูนย์ให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำให้ก็ได้เช่นกัน สำหรับราคาจะเริ่มต้นที่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสนบาท ขึ้นอยู่กับขนาดของรถ

ที่มา: https://khaorot.com/car-care-and-mai...10923165920533