Name:  news202202151423647.jpg
Views: 246
Size:  25.3 KB

คนเราสามารถทำผิดพลาดกันได้เป็นเรื่องธรรมดา สิ่งที่สำคัญก็คือการไม่กลับไปทำเรื่องแบบนั้นอีก ขณะเดียวกันคนทั่วไปก็สมควรที่จะให้โอกาสที่ 2 กับคนที่พยายามจะกลับมาเป็นคนดีด้วย เพราะเขาอาจจะทำเรื่องดีๆ ให้กับสังคม หรือเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายคนได้ในภายภาคหน้า

ฟรานเชสโก้ ฟลาคี่ กองหน้าชาวอิตาเลียนเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เข้าข่ายนั้นเหมือนกัน เพราะล่าสุดเขาสามารถกลับมาเล่นฟุตบอลในระดับสโมสรได้อีกครั้ง หลังจากเคยถูกตรวจพบว่าเสพโคเคนจนถูกแบนจากการเล่นฟุตบอลเป็นเวลานานถึง 12 ปี

ฟลาคี่ เคยถูกจับตามองว่าเป็นนักเตะที่มีอนาคตสดใสคนหนึ่งในสมัยที่ยังเป็นเด็กอยู่ เขาเคยอยู่กับอะคาเดมี่ของ อิโซล็อตโต้ และ ฟิออเรนติน่า ก่อนจะขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของทัพ "ม่วงมหากาฬ" ได้ในปี 1993 และเขาก็เคยเล่นให้ทีมชาติอิตาลีรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปีด้วย

สำหรับความสำเร็จนั้น ฟลาคี่ เคยอยู่กับ ฟิออเรนติน่า ชุดแชมป์ กัลโช่ เซเรีย บี ในฤดูกาล 1993-94 รวมถึงชุดแชมป์ โคปปา อิตาเลีย ซีซั่น 1995-96 ขณะที่พอย้ายไปอยู่กับ ซามพ์โดเรีย ในปี 1999 เขาก็เป็นแกนหลักคนหนึ่งของทีมจนพาทีมได้แชมป์ เซเรีย บี ในซีซั่น 2002-03 โดยเขาทำประตูให้ทีมดังกล่าวได้ 87 ลูก จากการลงเล่นทั้งในเซเรีย อา และ เซเรีย บี รวมกัน 241 นัด แถมเขายังเคยเล่นให้ เอ็มโปลี กับ เบรสชา เป็นระยะเวลาสั้นๆ ด้วย

น่าเสียดายที่สมัยนั้น ฟลาคี่ เป็นคนที่ไม่รักษาวินัยมากเท่าไหร่นัก ย้อนกลับไปเมื่อปี 2006 เขาเคยละเมิดกฎด้านการนันจนทำให้โดนปรับเงิน 20,000 ยูโร และพอถึงปีต่อมาเจ้าตัวก็เจอกับปัญหาที่ใหญ่ขึ้นเพราะถูกตรวจพบว่ามีโคเคนอยู่ในร่างในระหว่างการตรวจหาสารเสพติด ส่งผลให้เขาโดนแบนเป็นเวลา 2 ปีด้วยกัน โดยนั่นถือเป็นเรื่องที่ส่งผลเสียต่อเส้นทางการเป็นนักเตะอาชีพของเขาอย่างมาก เพราะตอนนั้น ฟลาคี่ เพิ่งโดนเรียกตัวติดทีมชาติอิตาลีชุดใหญ่ครั้งแรกไปหมาดๆ

หลังจากกลับมาลงเล่นได้ในปี 2009 หลายคนคิดว่า ฟลาคี่ จะได้รับบทเรียนและกลับมาตั้งหน้าตั้งตาเล่นฟุตบอล น่าเศร้าที่มันไม่เป็นอย่างนั้น เพราะในช่วงเดือนธันวาคมของปีเดียวกัน มีการตรวจพบสารโคเคนในปัสสาวะของเขา

การทำผิดในครั้งนี้ ฟลาคี่ ได้รับบทเรียนที่แสนสาหัส นั่นคือการโดนแบน 12 ปี โดยคำตัดสินดังกล่าวออกมาในช่วงเดือนมกราคม ปี 2010 ซึ่งตอนนั้นเขามีอายุ 34 ปี นั่นทำให้การโดนแบนครั้งนั้นแทบจะเป็นการปิดฉากอาชีพการเล่นของเขาไปเลยก็ว่าได้ ทั้งที่จริงๆ แล้ว ฟลาคี่ ยังตั้งเป้าที่จะเล่นฟุตบอลต่อไปอีกสักหน่อย

"ตอนนั้นมันเท่ากับว่าผมสูญเสียทุกอย่างไปเลยก็ว่าได้" ฟลาคี่ เคยเปิดใจถึงเรื่องนั้น "ผมเคยเป็นไอดอลที่ เจนัว ผมเริ่มปีด้วยการทำ 2 ประตู และเพิ่งถูกเรียกตัวติดทีมชาติแท้ๆ"

อย่างไรก็ตาม ฟลาคี่ ก็ไม่ยอมยกธงขาวกับการคืนสนาม เพราะเมื่อปี 2021 เขาบอกว่ากำลังซ้อมกับ ซิญ่า 1914 สโมสรระดับสมัครเล่น และวางแผนว่าจะกลับมาลงเล่นให้ได้เมื่อหมดโทษแบนไปแล้ว

ก่อนหน้านี้ ฟลาคี่ เคยเล่าถึงแผนการคืนสนามของเขาว่า "ตอนแรกมันเริ่มขึ้นด้วยการเป็นเพียงมุกตลก แต่แล้วเราก็จริงจังกับมันมากขึ้น ผมไม่ได้ลงเล่นแบบ 11 ต่อ 11 คนมาเป็นเวลา 12 ปีแล้วก็จริง แต่ผมน่ะเป็นมนุษย์ฟุตบอล และมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะสัมผัสกับอารมณ์ในสนามแบบนั้น ผมคิดถึงมันมากๆ ผมรู้ดีว่าผมเคยทำพลาดไป และผมก็ได้รับบทลงโทษจากเรื่องนั้น"

"ผมรู้ดีว่าผมไม่ได้รวดเร็วเหมือนเก่าแล้ว แต่ผมก็ยังสามารถทำงานในส่วนของผมได้ และสามารถช่วยให้เพื่อนร่วมทีมของผมเชื่อมั่นในตัวเองได้ ผมยังอยากทำให้พวกเขาเข้าใจด้วยว่าฟุตบอลมันสวยงามมากแค่ไหน พวกเขาไม่สามารถเสียสิ่งเดียวกับที่ผมเคยโยนทิ้งไปเองได้"

หลังจากที่รอคอยมานาน ในที่สุดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ฟลาคี่ ก็ได้คืนสนามอีกครั้งด้วยวัย 46 ปี โดยปัจจุบัน ซิญ่า 1914 เล่นอยู่ในลีกระดับ 5 ของประเทศอิตาลี ซึ่งถึงแม้ ฟลาคี่ จะได้เล่นไปเพียง 30 นาทีแรกของเกม แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความสุขสำหรับเจ้าตัว

ฟลาคี่ เผยว่า "วันนี้ถือเป็นการสิ้นสุดช่วงเวลา 12 ปีของการโดนตัดสิทธิ์ของผม มันเป็นการเกิดใหม่สำหรับผม นี่เป็นหลักฐานด้วยว่าผมเปลี่ยนไปแล้ว ผมรู้สึกยังไงน่ะเหรอ ? ที่จริงตอนแรกผมรู้สึกมึนๆ อยู่เหมือนกันนะ ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาน่ะผมนอนน้อยมากๆ เพราะผมเครียดสุดๆ แต่ตอนนี้ผมมีความสุขมากๆ ผมอยากขอบคุณทุกคนที่ทำให้ผมรู้สึกแบบเดียวกับที่เคยรู้สึกเมื่อหลายปีก่อน นั่นคือการได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นนักฟุตบอลจริงๆ"

ที่มา: https://www.siamsport.co.th/football/calcio/view/271274