เรารู้ว่าหน่วยงานที่สำคัญในการกำกับดูแลเศรษฐกิจในแต่ละประเทศคือธนาคารกลางที่ธนาคารกลางนี้ทำหน้าที่เป็นผู้กำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องกับโลกการเงิน แต่ละประเทศต้องมีสถาบันของธนาคารกลางเพราะเป็นสิ่งจำเป็นหากเป็นไปตามกรอบเศรษฐกิจโลกที่ใช้ระบบอัตราดอกเบี้ย ในอินโดนีเซียเอง ธนาคารกลางเรียกว่า Bank Indonesia หรือถ้าเราในฐานะผู้ค้ารู้จักชื่อ Fed ใช่แล้ว Fed ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกาซึ่งย่อมาจาก Federal Reserve หรือ European Central Bank (ECB) ซึ่ง เป็นธนาคารกลางในภูมิภาคยุโรป
เหตุใดจึงควรกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ
อัตราเงินเฟ้อเป็นเงื่อนไขที่การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเกิดขึ้นเมื่อเทียบกับตัวกลางในการแลกเปลี่ยน อัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไปจะทำให้ผู้ถือสกุลเงินสูญเสียเงินเพราะไม่สามารถรับสินค้าในราคาเดิมได้ในขณะที่ค่าแรงไม่ขึ้นเร็วเท่าราคาสินค้า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงกว่า 10% ต่อปีและจัดเป็นภาวะเงินเฟ้อรุนแรง
ในทางกลับกัน หากอัตราเงินเฟ้อต่ำเกินไป ผู้ผลิตจะระงับการผลิตเพราะพวกเขาคิดว่าการบริโภคกำลังลดลง เป็นผลให้ธนาคารมีปัญหาในการขยายสินเชื่อและในที่สุดการเติบโตทางเศรษฐกิจก็ลดลงเนื่องจากกิจกรรมทางธุรกิจที่อ่อนแอ
ดังนั้นการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร
ในแง่ของนโยบายเศรษฐกิจ แน่นอนว่าการกระทำเหล่านี้สามารถส่งผลดีต่อประเทศ เช่น การลดอัตราการว่างงาน การรักษาราคาสินค้าและบริการให้คงที่ และยังเพิ่มปริมาณความต้องการของผู้บริโภคสำหรับสินค้าที่ผลิตได้ เพราะว่าอะไร? ด้วยข้อมูลเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ คนในท้องถิ่นแห่กันไปซื้อสินค้าที่ต้องการก่อนที่ราคาจะสูงขึ้นเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ บริษัทต้องการเพิ่มการผลิตโดยอัตโนมัติเพื่อให้มีการจ้างงานพนักงานเพิ่มขึ้นและลดอัตราการว่างงานโดยอ้อม
ลักษณะของกรอบการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ
1. ผูกพันตามระเบียบ แต่ในการใช้งาน มีความยืดหยุ่น
2. นโยบายเป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี คือ โปร่งใส ชัดเจน และตรวจสอบได้
3. การมองการณ์ไกล ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงโดยธรรมชาติ สิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากความล้าช้าของนโยบายการเงิน