รถพังเพราะจอดนาน อีกหนึ่งปัญหาที่คุณอาจพบเจอหากจอดรถทิ้งไว้นาน โดยในบทความนี้จะมาแนะนำ 6 ข้อที่ต้องทำ เมื่อคุณต้องจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ

Name:  78867861000-f79e.jpg
Views: 1587
Size:  35.5 KB

ศึกคราวนียังไม่จบง่ายๆ Covid-19 กลับมาระบาดอีกครั้งแถมยังหนักกว่าคราวก่อน ทําให้ต้อง Work Form Home อยู่บ้านกันยาวๆ เพือช่วยหยุดการแพร่กระจายของเชือไวรัส ไม่ออกจากบ้าน ลดการเดินทางที่ไม่จำเป็น งานนี้ทําให้รถคันโปรดที่ใช้อยูเป็นประจําก็เลยต้องจอดอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ใช้งานไปอีกยาว จนกว่าจะได้ออกจากบ้านอย่างปลอดภัยหรือสถานการณ์จะดีขึ้น

แต่รู้หรือเปล่าว่าไม่ว่าจะจอดรถทิ้งไว้นานหรือไม่นาน เราก็ต้องดูแลอย่างเต็มที่เหมือนกัน ดังนั้นความเชื่อ “ก็แค่จอดรถทิ้งไว้ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” จริงแล้วๆ มันมีปัญหาตามมามากกว่าที่คุณคิด โดยเฉพาะจอดรถทิ้งไว้นานๆ รถสุดรักของคุณจะเกิดปัญหาสตาร์ทไม่ติดขึ้นมาซะงั้น

วันนี้จึงรวบรวม 6 ข้อที่ต้องทำ เมื่อรถยนต์ของเราไม่ได้ใช้งานและต้องจอดไว้นาน ๆ ในช่วง Work From Home มาฝากกัน

1. ทําความสะอาดรถก่อนทิ้งไว้นานๆ

ควรทำความสะอาดรถคันโปรดให้เรียบร้อย ก่อนที่รถจะจอดทิ้งนิ่งไปอีกนาน โดยกำจัดคราบยางไม้ หรือขี้นก เพราะถ้าหากทิ้งไว้เป็นเวลานาน คราบเหล่านั้นจะกัดกร่อนสีรถ หรือเกิดคราบฝังแน่น สะสมไว้นานจะส่งผลเสียต่อสีรถของคุณ ทําให้ล้างทําความสะอาดได้ยาก รถมีสีที่ไม่เงางามเหมือนเดิมและเกิดรอยฝังลึก

2. เติมลมยางรถให้แข็งกว่าปกติแต่ไม่เกินลิมิตที่กําหนด

เนื่องจากความร้อนของอากาศ ส่งผลต่อลมยางรถ ทำให้แรงดันยางรถทีจอดทิ้งไว้จะอ่อนลงกว่าการใช้งานปกติ รวมไปถึงการยุบตัวของยางส่วนทีสัมผัสกับพื้นจากการกดทับของน้ำหนักรถเป็นเวลานาน ดังนั้นหมั้นขยับรถเพื่อรักษาสภาพยางและเปลี่ยนตำแหน่งจุดรับน้ำหนักของยาง อีกทั้งต้องเช็กลมยางเพื่อช่วยคงสภาพและรูปทรงของยาง รักษาสภาพยางให้อยู่ในระดับทีเหมาะสมเสมอ

3. เลือกที่จอดรถที่ปลอดภัย

ที่จอดรถเป็นอีกอย่างที่อาจทำให้รถคุณเสียหายได้หากต้องจอดทิ้งไว้เป็นเวลานาน เลือกสถานที่จอดรถภายในร่ม มีอากาศถ่ายเทได้ดี หลีกเลี่ยงจอดรถใกล้สถานที่เปียกชื้น เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกและหนูกัดสายไฟในกระโปรงรถ และไม่จอดรถใต้ต้นไม้ ป้องกันไม่ให้เศษกิ่งไม้ ใบไม้ คราบ ยางไม้เกาะอยู่บนตัวรถ เป็นเหตุทำให้ผิวสีรถด่างเมื่อจอดทิ้งไว้นานๆ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ควรหาผ้าคลุมรถกันร้อนหรือแผงบังแดด ป้องกันไม่ให้สีรถถูกแดดเผาจนสีซีดไปซะก่อน รวมไปถึงป้องกันไม่ให้อะไหล่รถบางชินและอุปกรณ์ยางต่างๆ อาจเสื่อมสภาพเร็วก่อนกำหนดเมื่อโดนแดดนานๆ

4. เช็กเครื่องยนต์และระบบไฟว่ายังทำงาน

ระบบเครื่องยนต์และระบบไฟเป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรละเลย หมั้นสตาร์ทรถเพื่อให้ระบบ ของเหลวภายในเครื่องยนต์และให้สายพานในรถได้วิ่งทำงานบ้าง ประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้ง สังเกตสายพานไม่ให้มีรอยแตกหรือร้าวเพื่อป้องกันอุบัติเหตุระหว่างการใช้งาน เพราะสายพานมีหน้าที ถ่ายทอดกำลังที่ได้จากเครื่องยนต์ไปสู่ระบบต่างๆ ภายในรถ ควรเปิดกระโปรงหน้ารถบ่อยๆ เพื่อเช็กว่ามีพวกหนูมาอาศัยหรือมีนกเข้ามาทำรังบ้างหรือเปล่าด้วย อีกทั้งเช็กระบบไฟ ไฟเลี้ยว ไฟรี่ ไฟเบรก โดยการกดปุ่มแสดงสัญญาณ พร้อมเดินดูรอบรถว่าทำงานปกติหรือไม่ ก่อนนำรถออกไปใช้อีกครั้ง

5. เช็กของเหลวในเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับปกติ

จะจอดนิ่งนานๆ ก็ต้องเช็กระดับของเหลวต่างๆ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ เพื่อหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนต่างๆ ไม่ให้เกิดสนิมภายในเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่องที่ใช้แล้วมักมีสิ่งปนเปื้อนและเป็นกรด เป็นเหตุให้ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์เสียหายได้ ให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาหรือไมล์ที่เหมาะสมหลังจากจอดทิ้งไว้ นอกจากนี้ควรเติมนามันให้เต็มถัง ป้องกันการเกิดเหตุที่ทำให้ระบบน้ำมันอุดตันจากสนิมในถังน้ำมัน จากหยดน้ำที่เกาะสะสมอยู่ในระบบจ่ายเชื้อเพลิง

และเนื่องจากน้ำมันที่ไม่ได้ใช้นานเกินไปอาจเกิดอาการ “น้ำมันบูด” สังเกตได้ง่ายๆ จากการสตาร์ทรถครั้งแรกหลังจอดที่นานๆ กลิ่นน้ำมันรถจะเหม็นกว่าปกติ แนะนำให้เติมน้ำมันเบนซินเพียวช่วยลดอาการน้ำมันบูดจากการจอดทิ้งรถไว้เป็นระยะเวลานานได้

6. ชาร์จแบตเตอรี่รถทันทีที่จอด

โดยทั่วไปแล้วแบตเตอรี่จะคายประจุไฟออกมาอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเป็นรถที่จอดไว้นานก็จะทำให้ไฟในแบตฯ อ่อนลงเรื่อยๆ หากแบตเตอรี่เกิดปัญหาเมื่อจอดรถทิ้งไว้ส่งผลให้ระบบต่างๆ ในรถก็มีปัญหาตามไปด้วย เนื่องจากแบตเตอรี่เปรียบเสมือนหัวใจของรถยนต์คุณควรเริ่มดูแลแบตเตอรี่โดยการ รักษาไฟให้เต็มแบตเตอรี่รถอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มจอดรถทันที

และท้ายที่สุดก็ก่อนจอดรถทิ้งกันยาวๆ ควรเช็กให้แน่ใจว่าทําครบแล้ว 6 ข้อที่เราแนะนําเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับสภาพรถสุดรักหลังจากหมดล็อกดาวน์

ที่มา: https://khaorot.com/car-care-and-mai...10202110418656