รู้หรือไม่รถยนต์ภายหลังจากที่ใช้งานครบ 3 ปีแล้วอะไหล่บางชิ้นส่วนย่อมมีการสึกหรอและควรเปลี่ยนใหม่ วันนี้ข่าวรถจะมาแนะนำชิ้นส่วนที่ควรเปลี่ยนใหม่กันครับ
อย่างที่ผู้ขับขี่หลายท่านทราบกันดีอยู่แล้วว่าชิ้นส่วนบางประเภทภายในรถยนต์เมื่อผ่านการใช้งานมาจนครบระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ท่านซื้อรถออกมาจากศูนย์บริการแล้วนั้นอาจมีการเสื่อมสภาพลงได้ทั้งจากพฤติกรรมในการขับขี่ของผู้โดยสารเอง สภาพเส้นทางที่ต้องใช้รถอยู่เป็นประจำ การตรวจเช็ครถยนต์ และ อายุการใช้งานของอะไหล่ในแต่ละประเภทเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุหลักที่ส่งผลให้รถมีอายุในการใช้งานที่สั้นลง การเลือกที่จะเปลี่ยนอะไหล่ในชิ้นที่มีความสำคัญเมื่อรถมีอายุในการใช้งานครบ 3 ปี จึงถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยยืดอายุของรถออกไปและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบต่างๆภายในรถยนต์ให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
สำหรับชิ้นส่วนแรกที่ผู้ขับขี่ควรเปลี่ยนเมื่อรถใช้งานครบ 3 ปี ได้แก่ โช๊คอัพหน้า-หลัง โดยผู้ขับขี่ควรทำการตรวจเช็คในทุกๆ 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร จะช่วยให้ทราบถึงความผิดปกติของโช๊คอัพได้อย่างทันท่วงที เนื่องจากตามปกติแล้วโช๊คอัพถือเป็นอุปกรณ์ที่มีส่วนช่วยในการสร้างความนุ่มนวลและดูดซับแรงกระแทกที่เกิดจากล้อเมื่อไปสัมผัสเข้ากับพื้นผิวถนนที่ขรุขระ หากโช๊คอัพเสียไม่ได้รับการแก้ไขปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานานอาจทำให้รถมีอาการโคลงไม่ยืดหยุ่นเหมือนปกติยิ่งในขณะที่ต้องขับบนเส้นทางที่มีความขรุขระจะสังเกตถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
ลูกปืนล้อหน้า-หลัง ก็เป็นอีกชิ้นส่วนหนึ่งที่ผู้ขับขี่ควรให้ความสำคัญเมื่อใช้งานจนครบระยะ 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตรลูกปืนล้อจะเริ่มมีอาการเสื่อมสภาพผู้ขับขี่สามารถที่จะสังเกตได้จากเสียงดังในขณะทำการวิ่งซึ่งออกมาจากบริเวณล้อทั้งบนพื้นถนนลาดยางและพื้นถนนคอนกรีตดังขึ้นเรื่อยๆและมากยิ่งขึ้นเมื่อทำการเร่งความเร็ว ทั้งนี้หากดังในทั้งการขับจาก 2 รูปแบบพื้นผิวถนนเป็นที่แน่นอนแล้วว่าลูกปืนล้อรถแตก หากไม่มั่นใจผู้ขับขี่ก็สามารถใช้วิธีการตรวจเช็คผ่านการหมุนล้อตรวจสอบได้อีกเช่นกัน
น้ำมันเกียร์ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ผู้ขับขี่ควรทำการเปลี่ยนอะไหล่เมื่อรถมีอายุการใช้งานเกิน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร เป็นต้นไป เนื่องจากการเสื่อมสภาพของน้ำมันเกียร์นั้นจะส่งผลทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานระบบส่งกำลังในรถยนต์ทำได้ไม่ดีเท่าไรนัก ทั้งนี้ผู้ขับขี่สามารถสังเกตได้ด้วยอาการผิดปกติจากการสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วเข้าเกียร์ D หรือ เกียร์ R ในระบบเกียร์อัตโนมัติจะรู้สึกว่ารถเคลื่อนออกตัวได้ช้ามากแทบจะไม่เคลื่อนตัวเลยอาจมีสาเหตุมาจากน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพ เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นควรนำรถไปตรวจสอบระบบเกียร์ในศูนย์บริการนอกจากนี้แล้วควรทำการตรวจเช็คอุปกรณ์ส่งกำลังรายการอื่นประกอบด้วยทั้งผ้าคลัทช์ สายเกียร์ และ น้ำมันเกียร์
สำหรับผู้ที่มีการใช้งานรถที่มีอายุครบ 3 ปี แล้ว หรือ รถที่เพิ่งออกใหม่อายุครบ 1 ปี ควรที่จะนำรถเข้าไปตรวจเช็คสภาพยังศูนย์บริการและทำการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สึกหรอ หรือ เสื่อมสภาพ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้ดียิ่งขึ้นอีกทั้งยังช่วยยืดระยะการใช้งานรถอีกด้วย
ที่มา: https://khaorot.com/car-care-and-mai...90527075044450