สต็อกน้ำมันเพื่อการพาณิชย์ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 8.8 ล้านบาร์เรลก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นไปตามความเคลื่อนไหวตามฤดูกาลที่น้ำมันจะกลับเข้าสต็อกมากขึ้นในช่วงกันยายน โดยปริมาณคลังสะสมที่ใกล้เคียงกันคือในปี 2018 และ 2019 แต่สิ่งที่สำคัญคือปริมาณน้ำมันสำรองเชิงกลยุทธ์ลดลง 30% ในปีที่แล้ว ซึ่งเกือบเท่ากับการลดลงของสต็อกน้ำมันเชิงพาณิชย์



จากที่กล่าวมานี้คือ การลดลงของสต็อกน้ำมันโดยรวมอาจกระตุ้นให้มีการผลิตน้ำมันมากขึ้นอีก แต่อัตราการเพิ่มขึ้นในปัจจุบันยังช้าเมื่อเทียบกับในช่วงปี 2011-2015 และช่วงปี 2016-2020 จากปัจจัย 3 ประการดังนี้

ประการแรก การปล่อยปริมาณสำรองนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อลดลงราคาน้ำมันตลาดลง ซึ่งไม่เป็นที่พอใจของบรรดาผู้ผลิต โดยในช่วงสองถึงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาบริษัทขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐต่างลดปริมาณแท่นขุดเจาะลง

ประการที่สอง การผลิตน้ำมันในลุ่มน้ำ Permian ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในการผลิตน้ำมันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากำลังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่การขุดเจาะใหม่ก็ยังไม่มี

ไม่เพียงแค่นั้น บรรดาผู้ผลิตในสหรัฐเตือนยุโรปว่า ไม่ควรคาดหวังว่าจะมีการอุปทานน้ำมันเข้าสู่ตลาดเพิ่มเติม ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าผู้ผลิตกำลังเดินทางแนวทาง OPEC ทีอยากจะ enjoy กับอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นมากกว่าแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด



จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นผลให้เราเห็นการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและก๊าซในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสวนทางกับตลาดการเงินในวงกว้าง ขณะเดียวกันเราเชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐน่าจะยังไม่ยึดมั่นกับนโยบายกำหนดเพดานราคา ซึ่งปกติแล้วนโยบายที่เข้มงวดมักจะส่งผลเชิงลบต่อราคราน้ำมัน ทั้งนี้ เรายังเชื่อว่าโมเมนตัมเชิงลบในราคาน้ำมันยังไม่หมดไป แม้ราคาจะพยายามฟื้นขึ้นเหนือ 91.50 ดอลลาร์สำหรับ WTI และสำหรับเบรนต์ที่ 97 ดอลลาร์

แหล่งข่าว US oil inventories: historic sell-off in SPR and business as usual โดย Alex Kuptsikevich - FxPro senior market analyst