รายงานการขาดดุลการค้าที่ปรับฤดูกาลของยูโรโซนเพิ่มขึ้นเป็น 40,000 ล้านในเดือนกรกฎาคม โดยตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วยูโรโซนกลายเป็นผู้นำเข้าสุทธิหลังจากที่กว่า 12 ปีเป็นผู้ส่งออกสุทธิตลอดมา ซึ่งตั้งแต่ปี 1999 ถึง 2012 การนำเข้าและส่งออกยังสมดุลตลาดมา แม้แต่ในช่วงวิกฤตปี 2008-2009 ก็เป็นเช่นนั้น



หลังเกิดเหตุการณ์ความไม่มั่นคงทางพลังงานต่อหลายครั้ง การนำเข้าของภูมิภาคนี้ก็เติบโตเหนือการส่งออกตลอดช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา โดยจำนวนสินค้ากว่า 10 รายการขาดดุล ทั้งนี้ สำหรับยุโรปการอ่อนค่าของสกุลเงินยังไม่ได้ช่วยหนุนความสามารถด้านการค้าต่างประเทศได้ ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้ต้นทุนนำเข้าพลังงานสูงขึ้น



เรายังเห็นสัญญาณของจุดสูงสุดของการส่งออกที่เริ่มลดลงในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แม้การนำเข้าจะสูงขึ้นก็ตาม โดยราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นมีส่วนทำให้การนำเข้าของสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นจากนอร์เวย์ (+151% ระหว่างเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม) และรัสเซีย (+70%) ขณะที่การขาดดุลทางการค้ากับจีนก็ยังเพิ่มขึ้นกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ และการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากสหราชอาณาจักรและอินเดีย

อาจฟังดูผิดปกติเล็กน้อย แต่ยูโรโซนควรใช้นโยบายของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ซึ่งกำลังต่อสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจด้วยการสนับสนุนสกุลเงินของประเทศและพยายามรักษาเงินทุนไว้

เจ้าหน้าที่ ECB จำนวนมากขึ้นอาจเริ่มพูดเกี่ยวกับแนวความคิดนี้ ดังนั้นการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงระยะยาว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น เราอาจคาดเดาได้ว่าจะมีการกระชับนโยบายเร็วและเข้มงวดมากขึ้นเพื่อปกป้องการอ่อนค่าของสกุลเงิน



อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์และนักลงทุนควรตระหนักว่าผลของมันจะไม่ได้เกิดขึ้นทันที การชะลอตัวของการอ่อนค่าของเงินยูโรอาจเกิดขึ้นได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าโดยไม่ใช่ไม่กี่วันที่จะถึง และเรายังเชื่อว่า EURUSD อาจลดลงที่ 0.95 ก่อนที่จะแข็งค่าขึ้น

แหล่งข่าว Eurozone trade deficit calls for a stronger euro โดย Alex Kuptsikevich - FxPro senior market analyst