น้ำมัน WTI ร่วงลงระหว่างวันมากกว่า 4.5% มาอยู่ที่ 81.70 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ แต่ฟื้นขึ้นได้ทั้งหมดเมื่อปิดตลาด โดยซื้อขายอยู่ที่ 85.40 ดอลลาร์ โดยมีระดับ 85 ดอลลาร์เป็นแนวรับตั้งแต่ปี 2007



วิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2008 นั้นมาจากการล่มสลายของระบบการเงิน ราคาน้ำมันที่ร่วงหนักหลังจากการล้มละลายของเลห์มาน ซึ่งขณะนั้นน้ำมันไม่สามารถขึ้นเหนือระดับ 35 ดอลลาร์

ในทางกลับกันเราเห็นราคาน้ำมันแตะเหนือ 85 ดอลลาร์ตลอดช่วงปี 2010-2014 ระหว่างที่เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยที่เกือบ 0 ในปี 2022 นั้นถูกขับเคลื่อนไปด้วยวิกฤตพลังงานที่รุนแรงในยุโรปและความกังวลด้านอุปทานหลังการคว่ำบาตรรัสเซีย และจนถึงตอนนี้ ราคาน้ำมันยังอยู่เหนือระดับดังกล่าว แม้มีความผันผวนของตลาดตราสารทุนและสกุลเงินหลักที่แข็งค่าขึ้น



อย่างไรก็ตาม ยังมีเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในช่วงขาลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า อาทิ สัญญาณการเข้มงวดทางนโยบายของเฟดซึ่งอาจเป็นการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งเดียว 100 จุด หรือเป็นการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยตราบใดที่เงินเฟ้อยังคงสูง

นอกจากนี้ ถ้อยแถลงก็สิ่งสำคัญเช่นกัน โดยเฟดอาจบอกเป็นนัยถึงการปรัสมดุลของการดำเนินนโยบายคือเข้มงวดน้อยลง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนด้านพื้นฐานให้แก่ขาขึ้นได้ แต่สุดท้ายธนาคารกลางมักจะส่งสัญญาณออกมาอย่างคลุมเครือ

อีกปัจจัยสำคัญคือด้านภูมิรัฐศาสตร์ แม้ถึงตอนนี้ ยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงในประเด็นดังกล่าว ขณะที่ OPEC+ เคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ประกาศลดโควตาการผลิตลง ขณะที่สหรัฐยังคงปล่อยปริมาณสำรองอย่างต่อเนื่อง

แหล่งข่าว It takes a shock for Oil to breakaway from $85 โดย Reuters