WTI แตะระดับ 82.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงสั้น ๆ ในวันจันทร์ที่ 23 ม.ค. ซึ่งเป็นการทดสอบระดับสูงสุดในช่วงครึ่งหลังของเดือนพฤศจิกายน กระทิงกำลังเดิมพันว่าการยกเลิกข้อจำกัดของจีนจะช่วยเพิ่มความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานทั่วโลก




แม้ว่าสหรัฐจะกลายเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่สินค้าคงคลังเชิงพาณิชย์ก็เพิ่มขึ้น 8.3% ในสัปดาห์ที่แล้วก่อนนั้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า การเติบโตของการผลิตในช่วงเวลาเดียวกันนั้นแทบจะแตะเหนือระดับ 5%



ข้อมูลกิจกรรมการขุดเจาะที่เผยแพร่เมื่อเย็นวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าจำนวนบ่อน้ำมันลดลงอีกเป็น 613 แห่ง ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 627 แห่งเมื่อเดือนที่แล้ว สะท้อนถึงความซบเซาจากจุดสูงสุดในต้นปี 2019 (ต่ำกว่า 900) หรือปลายปี 2014 (ประมาณ 1600)



ในทางกลับกัน นี่อาจเป็นหลักฐานของอุปสงค์ที่ลดลงส่วนหนึ่งจากการขายรถยนต์ไฟฟ้าที่มากขึ้นเรื่อยๆ และสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในการเติบโตของน้ำมันคงคลังในขณะเดียวกับที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตและการผลิตก็ซบเซา

แผนภูมิยังแสดงให้เห็นว่าน้ำมันทำจุดสูงสุดใหม่ได้ยากขึ้น โดย WTI หยุดชะงักเป็นครั้งที่สามนับตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม และเข้าใกล้ 81.50 ดอลลาร์

ทั้งนี้การประชุมของเฟดอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับราคาน้ำมัน โดยพิจารณาว่าราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นเหนือ 81.50 ดอลลาร์หากเฟดไม่เพียงลดอัตราการขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ยังบอกเป็นนัยว่าอาจหยุดเร็วกว่าที่สัญญาไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอุปสงค์ทั่วโลกสำหรับสินทรัพย์เสี่ยง

แหล่งข่าว Deceptive oil growth โดย Alex Kuptsikevich – FxPro senior market analyst