สภาวะเศรษฐกิจและการเมืองทั่วไปของสิงคโปร์

[You]

ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์ตกลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนเมษายน

ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์ลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนเมษายน ตัวเลขจากกรมสถิติเปิดเผยเมื่อวันพุธ ยอดค้าปลีกลดลง 1.8% ต่อปีในเดือนเมษายน หลังจากลดลง 0.9% ในเดือนมีนาคม นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% หากไม่รวมยานยนต์ ยอดค้าปลีกรวมลดลง 2% ในเดือนเมษายน หลังจากลดลง 1.3% ในเดือนก่อนหน้า ยอดขายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคมลดลง 6.7% และอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ในครัวเรือนลดลง 6.5% ในเดือนเมษายน ยอดขายของผู้ค้าปลีกอาหาร,สินค้าเกี่ยวกับสายตา และอุตสาหกรรมหนังสือและห้างสรรพสินค้าลดลงระหว่างร้อยละ 3.1 ถึง 3.5 ยอดค้าปลีกเดือนเมษายนขยายตัว 0.5% ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 1.1%

[You]

รายงานจาก Nikkei - ดัชนี PMI ของภาคธุรกิจของประเทศสิงคโปร์ลดระดับลงไป 52.1 ในเดือนพฤษภาคม

ผลการสำรวจล่าสุดจากสถาบัน Nikkei ที่ได้นำเสนอข้อมูลออกมาในวันพฤหัสบดีว่า เศรษฐกิจของภาคเอกชนของประเทศสิงคโปร์ ยังคงมีการขยายตัวเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง ในเดือนพฤษภาคม ถึงแม้ว่าจะเกิดขึ้นในอัตราที่น้อยลง โดยมีอัตราของดัชนี PMI ของภาคธุรกิจอยู่ที่ระดับ 52.1 ที่ลดระดับลงมาจากเดิมที่ 53.3 ในเดือนเมษายน ถึงแม้ว่าจะยังคงอยู่เหนือแนวเส้นขึ้นและลงที่ระดับ 50 ที่ได้แยกการขยายตัวออกจากการหดตัวทางเศรษฐกิจ หากคิดตามประเภทแล้วจะพบว่า การปรับตัวขึ้นมาในส่วนของอุปสงค์ ยังคงเกิดขึ้นต่อไปและ ผลผลิต ก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อไป แต่ในด้านธุรกิจใหม่จากต่างประเทศ กลับลดระดับลง การเติบโตของการจ้างงาน ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน การปรับราคาขึ้น จากซัพพลายเออร์ และราคาตลาดที่สูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อวัสดุบางชนิด ที่ทำให้ต้นทุนปัจจัยการผลิตโดยรวมให้เพิ่มขึ้น

[You]

รายงานจากจากสถาบัน Nikkei : ภาคเอกชนในประเทศสิงคโปร์ ปรับตัวลงมาอยู่ในพื้นที่การหดตัว ในเดือนกุมภาพันธ์

ผลการสำรวจล่าสุดจากสถาบัน Nikkei ที่ได้นำเสนอข้อมูลออกมาในวันอังคารว่า ภาคเอกชนในประเทศสิงคโปร์ ปรับตัวลงมาอยู่ในพื้นที่การหดตัว ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีอัตราของดัชนี PMI ทางธุรกิจอยู่ที่ 49.8 ซึ่งลดระดับลงมาจากเดิมที่ระดับ 50.1 ในเดือนมกราคมและ ยังเคลื่อนตัวไปอยู่ต่ำกว่าแนวเส้นขึ้นและลงในระดับที่ 50 ที่ได้แยกการขยายตัวออกจากการหดตัวทางเศรษฐกิจ หากคิดตามประเภทแล้วจะพบได้ว่า รายรับและ ธุรกิจใหม่ มีกำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ การจ้างงาน, การซื้อวัตถุดิบและ ปริมาณสินค้าคงเหลือ ทั้งหมดนี้ได้ปรับตัวลดลงมา สำหรับราคาผลผลิต ก็ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ปรับตัวขึ้นมา จนถึงระดับที่สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยระยะยาวโดยรวม

[You]

กลุ่มทุนสิงคโปร์ ทิ้งหุ้นไทย “BIG LOT” ปีที่ผ่านมา

ได้มีการเปิดเผยตัวเลข Fund Flow ในตลาดหุ้นไทยของปี 2561 ที่ผ่านมา พบว่าเงินทุนต่างชาติได้ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยมากเป็นประวัติการณ์สูงถึง 287,459 ล้านบาท สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งก็มาจากการเทขายหุ้น “BIG LOT” ของ GIC (Government of Singapore Investment Corporation) หรือ กองทุนรัฐบาลสิงคโปร์ ร่วมแสนล้านบาทในช่วงเวลานั้น

โดยในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา พบว่า GIC ได้ลดสัดส่วนการถือครองหุ้นลงได้แก่ LH, TU, PTT, CPALL และอื่นๆรวม 10 บริษัท



สาเหตุหลัก

ปีที่แล้ว GIC ขายหุ้นไทยออกไปมาก จนเป็นเหตุให้ Fund Flow ไหลออก ก็เพื่อไปเพิ่มนํ้าหนักลงทุนในตลาดหุ้นจีนซึ่งกองทุนมองว่าเป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ขณะที่ตลาดหุ้นไทยอาจจะไม่ใช่ตลาดเกิดใหม่แล้ว (Emerging Market)

โดยมุมมองของนักลงทุนมองว่าปัจจัยพื้นฐานหรือเศรษฐกิจไทยนั้นยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแต่ GIC นั้นลงทุนในลักษณะของการมองหาตลาดเกิดใหม่เพื่อทำกำไร เราจึงเห็นการโยกเงินจากตลาดหุ้นไทยไปลงในตลาดหุ้นจีนในช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมา

ทิศทางในไตรมาสนี้จากนักวิเคราะห์

แม้จะมีเงินทุนใหลออกเป็นจำนวนมากในปีที่ผ่านมาก็ตาม แต่นักวิเคราะห์มองว่าตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นตลาดเกิดใหม่อยู่ และข่าวดีจากการกำหนดวันเลือกตั้งสร้างความน่าเชื่อถือต่อนักลงทุนต่างชาติ โดยทั้งปีเงินทุนต่างชาติน่าจะไหลกลับมาประมาณครึ่งหนึ่งของปีที่แล้ว เพราะปัจจุบัน สัดส่วนนักลงทุนต่างชาติถืออยู่ในหุ้นไทยเพียง 29% ตํ่าสุดในรอบ 14 ปี

Fund Flow เริ่มไหลกลับมา

อย่างไรก็ตามในเดือนนี้(ม.ค.) จากตัวเลขพบว่ากองทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยกว่า 4,000 ล้านบาท บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นและทิศทางของ SET มีโอกาสกลับมาขึ้นอีกครั้ง โดยคาดว่าไตรมาสแรกจะปรับขึ้นแตะระดับ 1700 จุดอีกครั้ง

ที่มา: https://www.thinvest.in.th/%E0%B8%82...%E0%B8%B8.html

[You]

ข้อมูลการค้าของสิงคโปร์ติดอันดับในวันจันทร์

สิงคโปร์จะเปิดตัวตัวเลขการนำเข้าการส่งออกและดุลการค้าในวันจันทร์โดยจะเน้นวันที่เล็กน้อยสำหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก ในเดือนกันยายนการนำเข้ามีมูลค่า 47.13 พันล้านเหรียญสิงคโปร์และมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 52.67 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์สำหรับดุลการค้า 5.55 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ อินโดนีเซียจะเห็นตัวเลขการนำเข้าการส่งออกและดุลการค้าในเดือนพฤศจิกายน ในเดือนตุลาคมการนำเข้ามีมูลค่า 17.62 พันล้านดอลลาร์และการส่งออกอยู่ที่ 15.80 พันล้านดอลลาร์สำหรับการขาดดุลการค้า 1.82 พันล้านดอลลาร์ นิวซีแลนด์จะเห็นผลการดำเนินงานของดัชนีการให้บริการในเดือนพฤศจิกายน ในเดือนตุลาคมคะแนนดัชนี 55.4

[You]

ยอดขายค้าปลีกในสิงคโปร์ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วในเดือนตุลาคม

ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนตุลาคม แต่อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางยอดขายที่ลดลงในห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ต ยอดขายปลีกในราคาปัจจุบันปรับตัวขึ้น 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีหลังจากได้รับการขยายตัว 1.9% ในเดือนกันยายน ในเดือนสิงหาคมยอดขายลดลง 0.4% ยอดขายปลีกลดลง 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือนตุลาคมเช่นเดียวกับเดือนกันยายน หากไม่รวมรถยนต์ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.5% ต่อปีหลังจากได้รับการเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนกันยายน ยอดขายลดลง 2.1% ในเดือนตุลาคมหลังจากที่ยอดขายลดลง 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดขายห้างสรรพสินค้าลดลง 3.6% ในขณะที่ยอดขายในซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตลดลง 2.9% ยอดขายรถยนต์ลดลง 2% ยอดขายของสถานีบริการน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ 11.4% รองลงมาคือสินค้าทางการแพทย์และเครื่องใช้ในห้องน้ำเพิ่มขึ้น 3.4%

[You]

การเติบโตในการส่งออกของประเทศสิงคโปร์ปรับตัวขึ้นมาในเดือนกันยายน

อ้างอิงข้อมูลตัวเลขจาก Enterprise Singapore ที่ได้ออกมานำเสนอข้อมูลในวันพุธว่า การส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมันของxitgmLสิงคโปร์ ได้ปรับตัวขึ้นมาในอัตราที่มากขึ้นภายในเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับการส่งออกที่ไม่ใช่สินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับอัตรา NODX ปรับตัวขึ้นมาเป็น 8.3% ต่อปีในเดือนกันยายน หลังจากที่มีการขยายตัวเกิดขึ้นมาเป็น 5% ในรอบเดือนสิงหาคม การส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่อิเล็กทรอนิกส์ ยังคงมีการเติบโตขึ้นมา โดยล่าสุดมีการเติบโตอยู่ที่ 11.9% ในขณะที่ ยอดการขนส่งสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ได้ลดลงไป 0.9% ในเดือนกันยายน สำหรับอัตรา NODX ปรับตัวขึ้นไปถึงอันดับ 10 ของตลาดโดยรวมในเดือนกันยายนที่มีการเติบโตเกิดขึ้น ถึงแม้ว่า จะมีการขนส่งไปยังประเทศจีน, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น และฮ่องกงก็ตามที ส่วนการเติบโตประจำปี นั้นได้นำขึ้นมาโดยสหรัฐอเมริกา, ประเทศทั้ง 28 ประเทศในสหภาพยุโรป และประเทศไทย ข้อมูลเพิ่มเติมยังแสดงให้ทราบว่า ยอดการส่งออกที่ไม่ใช่น้ำมัน เพิ่มขึ้นมาเป็น 13.3% หลังจากที่มีการเติบโตเกิดขึ้นมาเป็น 14.1 ในเดือนสิงหาคม

[You]

รายงานจาก Nikkei: ดัชนี PMI ด้านธุรกิจของประเทศสิงคโปร์ ปรับตัวลง

ผลการสำรวจล่าสุดจากสถาบัน Nikkei ที่ได้นำเสนอข้อมูลออกมาในวันพุธว่า ภาคเอกชนของประเทศสิงคโปร์ ปรับตัวลงไปในเดือนกันยายน โดยดัชนีPMIอยู่ที่ 49.6 ลดลงมาจากระดับ 51.1 ในเดือนสิงหาคม และก็ยังอยู่ต่ำกว่าแนวเส้นขึ้นและลงที่ระดับ 50 ซึ่งได้แยกการขยายตัวออกจากการหดตัวทางเศรษฐกิจ หากคิดตามการแยกประเภทแล้วจะพบว่า มีการปรับตัวลงอย่างมากจากทั้ง ผลผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ ในขณะที่ ยอดการค้าจากการส่งออกก็ลดลงด้วยเช่นกัน ผลการสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า บริษัทหลายแห่ง ได้เพิ่มค่าใช้จ่ายขึ้นมาอีกครั้ง แม้จะมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลงก็ตามที

[You]

การเติบโตของผลผลิตในอุตสาหกรรมของประเทศสิงคโปร์ ได้ลดระดับลงไปในเดือนสิงหาคม

อ้างอิงข้อมูลตัวเลขจากคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่ได้นำเสนอข้อมูลออกมาในวันพุธว่า ผลผลิตของภาคอุตสาหกรรมของประเทศสิงคโปร์ ได้ปรับตัวขึ้นในอัตราที่น้อยลง ในเดือนสิงหาคม การผลิตของภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวขึ้นไปถึง 3.3% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนสิงหาคม โดยเป็นอัตราการขยายตัวที่น้อยลงไปถึง 6.7% จากที่เคยปรับตัวขึ้นมาในเดือนกรกฎาคม และอัตราการเติบโตที่คาดการณ์ไว้จะอยู่ที่ 4.7% หากไม่คิดรวมกับการผลิตทางด้านชีวการแพทย์จะพบได้ว่า ผลผลิตได้ปรับตัวขึ้นมาถึง 3.0% เมื่อเทียบกับที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น 5.8% เมื่อเดือนที่ผ่านมา ส่วนทางด้านชีวการแพทย์มีอัตราการเติบโตอยู่ใน 4.2 ต่อปี เมื่อเทียบในรายเดือนแล้วนั้น ผลผลิตของภาคอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม ร่วงลงไป 2% หลังจากที่ลดระดับลงไปถึง 1.2% ในเดือนก่อนหน้านี้ ส่วนผลผลิตก็คาดการณ์ไว้ว่า จะลดลงไปเล็กน้อยใน 0.5% ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ทุกๆกลุ่ม ยกเว้นแต่ การผลิตโดยทั่วไป พบว่าได้ขยายตัวขึ้นไปในเดือนสิงหาคม จากปีที่แล้ว ส่วนผลผลิตทางอิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวขึ้นมาถึง 3.6% , สารเคมี ปรับตัวขึ้นมา 5.7%, ด้านการตรวจสอบทางวิศวกรรมได้ปรับตัวขึ้นมา 5.6% และวิศวกรรมการขนส่งที่เพิ่มขึ้นมาถึง 4.7% ในขณะที่ การผลิตโดยรวมลดระดับลงไป 6% ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

[You]

อัตราเงินเฟ้อของประเทศสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยในเดือนสิงหาคม

อ้างอิงข้อมูลประจำเดือน จากองค์การเงินตราแห่งประเทศสิงคโปร์ และกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม ที่ได้ออกมานำเสนอข้อมูลในวันจันทร์ว่า อัตราเงินเฟ้อของประเทศสิงคโปร์ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือนสิงหาคม โดยส่วนใหญ่มาจากการลดลงของค่าที่พักอาศัยตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อในราคาผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นมาเป็น 0.7% ในเดือนสิงหาคม โดยตรงกับการคาดการณ์จากเดิมใน 0.6% ของเดือนกรกฎาคม ค่าที่พัก ได้ลดลงไปถึง 2.6% ต่อปีของเดือนสิงหาคม ซึ่งได้ปรับตัวจากระดับเดิมใน 3.0% ที่ลดลงไปในรอบเดือนกรกฎาคม ในเวลาเดียวกัน ค่าใช้จ่ายในการขนส่งทางถนนภาคเอกชน ได้ลดลงไป 0.2% สำหรับอัตราเงินเฟ้อในอาหาร ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 1.7% จากระดับเดิมใน 1.5% ในเดือนก่อนหน้านี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของ mas ที่ไม่รวมกับค่าที่พัก และการขนส่งในถนนภาคเอกชน ได้อยู่ที่ระดับ 1.9% โดยยังไม่เปลี่ยนแปลง ไปจากเดือนก่อนหน้านี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทั้งการค้าปลีก และด้านอาหาร ได้ไปหักลบออกจากอัตราเงินเฟ้อในการบริการ ในการเปรียบเทียบรายเดือนจะพบได้ว่า ราคาผู้บริโภคโดยรวมเพิ่มขึ้นมาเป็น 0.4% ในเดือนสิงหาคม โดยกลับตัวมาลดลงไปถึง 0.1% ในเดือนกรกฎาคม ในระหว่างที่ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของ mas ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาถึง 0.5% ในเดือนก่อนหน้านี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของ mas คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนช่วงปี 2018 จนถึงระดับโดยเฉลี่ยของครึ่งปีหลังของช่วงคาดการณ์ 1-2% สำหรับทั้งปี ในทางเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อโดยรวมคาดว่าจะอยู่ในช่วงครึ่งปีหลังของช่วงคาดการณ์ 0-1% ในรอบปีนี้