นายฌอน สไปเซอร์ โฆษกประจำทำเนียบขาวสหรัฐ ได้ออกมาปกป้องนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวที่มีเนื้อหาดูหมิ่นองค์กรและบุคคลภายนอก
สไปเซอร์กล่าวว่า "การใช้โซเชียลมีเดียของทรัมป์เป็นวิธีการในการสื่อสารกับชาวอเมริกันโดยตรง ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมาก" ขณะที่ระบุว่าทรัมป์มีผู้ติดตามผ่านช่องทางต่างๆมากกว่า 110 ล้านคน
ท่านประธานาธิบดีเป็นบุคคลที่สื่อสารความคิดของตนเองได้ดีที่สุด" สไปเซอร์กล่าว พร้อมย้ำว่าการทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวมีส่วนช่วยอย่างมากในการหาเสียงเมื่อปีที่แล้ว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทรัมป์ได้ทวีตข้อความเหน็บแนมสื่อต่างๆเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยระบุว่า หากเขาพึ่งพาสื่อที่นำเสนอข่าวปลอมอย่าง ซีเอ็นเอ็น, เอ็นบีซี, เอบีซี, ซียีเอส, วอชิงตันโพสต์ หรือ นิวยอร์กไทม์ส เขาจะไม่มีโอกาสในการชนะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา"
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ทวีตข้อความดูหมิ่นนายซาดิค ข่าน นายกเทศมนตรีลอนดอน โดยระบุว่าเป็นบุคคลที่ "ล้มเหลว" หลังเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายขึ้นในกรุงลอนดอน ขณะที่ยังได้ทวีตโจมตีประเทศกาตาร์ โดยระบุว่าอาจให้การสนับสนุนแนวคิดหัวรุนแรง
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามว่าทรัมป์อาจเผชิญกับการถูกฟ้องร้องทางกฎหมายจากการทวีตข้อความในลักษณะนี้หรือไม่ เช่นในกรณีที่ทรัมป์ทวีตข้อความตอบโต้ศาลฎีกาหลังศาลไม่ยอมรับคำสั่งห้ามชาวมุสลิมเข้าประเทศ นายสไปเซอร์กล่าวเพียงสั้นๆว่า ภัยคุกคามที่ปธน.ทรัมป์ใช้เป็นเหตุผลในการผลักดันคำสั่งดังกล่าวนั้นมีอยู่จริง และศาลก็ควรจะยอมรับมัน
ทั้งนี้ ข้อความบนทวิตเตอร์ของทรัมป์ยังตกเป็นเป้าเยาะเย้ยของฝั่งตรงข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อไม่นานมานี้ที่ทรัมป์ได้ทวีตข้อความซึ่งมีการสะกดคำผิด โดยทรัมป์ต้องการที่จะพิมพ์คำว่า "coverage" หรือที่แปลว่าการเสนอข่าว แต่กลับสะกดว่า "covfefe" แทน ทำให้ผู้คนหยิบยกไปนำเสนอในเชิงตลกขบขัน ซึ่งสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อบุคคลที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี