บริษัทเอ็กซอน โมบิล คอร์ป และบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ ได้ออกมาแสดงความกังวลต่อร่างกฎหมายในการยกระดับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย หลังจากที่เมื่อเดือนที่ผ่านมา กระทรวงการคลังสหรัฐได้ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียอีกครั้ง เพื่อลงโทษกรณีรัสเซียเข้าแทรกแซงการเมืองในยูเครน
กลุ่มบริษัทน้ำมันเหล่านี้ได้ให้เหตุผลในการคัดค้านว่า หากสหรัฐยกระดับการคว่ำบาตรแล้ว ก็อาจส่งผลให้โครงการน้ำมันและก๊าซทั่วโลกที่มีรัสเซียร่วมด้วยนั้นต้องปิดตัวลง จนส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันโลก
ร่างกฎหมายยกระดับการคว่ำบาตรนี้ ล่าสุดผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาแล้ว แต่ยังไม่ครบกระบวนการทั้งหมด โดยร่างกฎหมายใหม่มีขึ้นเพื่อลงโทษกรณีรัสเซียเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปีที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดคล้องกับท่าทีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในลักษณะคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว ขณะที่นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐและอดีตประธานบริหารของเอ็กซอน ไม่ได้ออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านอย่างชัดเจน แต่ก็เคยพยายามเกลี้ยกล่อมไม่ให้สภาคองเกรสดำเนินการตัดสินใจที่จะก่อให้เกิดความยากลำบากตามมา
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จะพบปะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นอกรอบการประชุมสุดยอดของกลุ่ม g20 ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี ในวันที่ 7 ก.ค.
การพบปะระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.ปูติน จะถือเป็นครั้งแรก ท่ามกลางความหวังที่ว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงในประเด็นต่างๆ เช่น ความขัดแย้งในซีเรีย วิกฤตการณ์ในยูเครน และการขยายตัวขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (nato)
เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับรัสเซียเป็นไปอย่างไม่ราบรื่น และอาจย่ำแย่ที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา นอกจากนี้ เมื่อกลางเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวต่อนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศของรัสเซีย ซึ่งเดินทางเยือนสหรัฐว่า เขามีความประสงค์ที่จะสานสัมพันธ์กับรัสเซียให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น