หลายๆ คนที่เป็นทั้งคอบอล หรือแม้แต่ดูบอลไม่เป็น น่าจะเคยได้ยินข่าวเรื่องนักฟุตบอลทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเสียชีวิตในระหว่างการแข่งขันเนื่องจากหัวใจล้มเหลวอยู่บ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าประหลาดใจอยู่ไม่น้อยว่าทำไมนักฟุตบอล ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องออกกำลังกายเป็นประจำเสมออยู่แล้ว ถึงเสียชีวิตจากโรคหัวใจกันมาก ทั้งที่ไม่เคยมีประวัติเป็นโรคหัวใจมาก่อน
จึงขอตอบคำถามเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องนี้ เหตุการณ์การเสียชีวิตจากโรคหัวใจในนักกีฬานั้น ถือว่าน้อยมาก ในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมาพบเพียง 1:50,000-1:300,000 ราย แต่เนื่องจากนักกีฬาเหล่านี้อายุยังน้อย มีอนาคตที่จะสร้างชื่อเสียงในวงการกีฬาให้แก่ทีมต้นสังกัดหรือเป็นตัวแทนระดับชาติได้อีกมากมาย หากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ จึงเป็นเรื่องที่สะเทือนใจสำหรับผู้ที่รับทราบ ทั้งที่เป็นแฟนคลับและคนทั่วไป
สาเหตุที่ทำให้นักกีฬาเสียชีวิต หรือ Sudden cardiac death (SCD) มักเกิดจากปัญหาของหัวใจ จากการรวบรวมข้อมูลการเสียชีวิตของนักกีฬาอายุน้อย (<35 ปี) ในประเทศสหรัฐอเมริกามากกว่า 1400 ราย พบว่า 36% มีสาเหตุมาจากเกิดจากภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ (Hypertrophic cardiomyopathy) 17% มีสาเหตุมาจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ (Anomalous origin of a coronary artery) และ 4% มีสาเหตุมาจากระบบนำคลื่นไฟฟ้าของกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ
นอกจากนั้นก็เป็นสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้นักกีฬาเกิดอาการหน้ามืด ใจสั่น เจ็บแน่นหน้าอก ก่อนจะเสียชีวิตลง ในปัจจุบันมีการตรวจสุขภาพหัวใจด้วยเทคโนโลยีที่ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น ซึ่งสามารถตรวจคัดกรองสาเหตุดังกล่าวได้จำนวนเกินครึ่งของสาเหตุที่ทำให้นักกีฬาเสียชีวิต โดยที่ไม่เคยมีอาการเตือนมาก่อน ถ้ากล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติก็จะมีผลกระทบต่อการทำงานบีบตัวของหัวใจ ซึ่งทำหน้าที่สูบฉีดโลหิต นำออกซิเจนไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมอง ซึ่งกลุ่มโรคของกล้ามเนื้อหัวใจที่ทำให้เกิดปัญหาในนักกีฬานั้น มักเป็นภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ (Hypertrophic cardiomyopathy) ในแง่ของการวินิจฉัย แพทย์ต้องอาศัยข้อมูลหลายด้านมาประกอบกัน เพราะในนักกีฬาที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอก็มีการหนาตัวขึ้นของกล้ามเนื้อหัวใจ โดยที่ไม่เป็นโรคได้เช่นกัน ซึ่งการตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ หรือ Echocardiogram โดยทีมแพทย์โรคหัวใจที่มีความชำนาญในด้านเวชศาสตร์การกีฬา (Sport Cardiologist) จะช่วยประเมินสภาพกล้ามเนื้อหัวใจ, แรงบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจและวินิจฉัยพยาธิสภาพต่างๆ ของนักกีฬาได้
สิ่งสำคัญในการป้องกันการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ คือ การตรวจคัดกรองสุขภาพหัวใจของนักกีฬา โดยเฉพาะนักกีฬาที่มีโปรแกรมการแข่งขัน หรือต้องฝึกซ้อมอย่างหนักต่อเนื่อง โดยที่การคัดกรองปัญหาของหัวใจนั้นต้องพิจารณาจากประวัติของนักกีฬาระหว่างการเล่นกีฬามาก่อน เช่น หน้ามืด หมดสติ ใจสั่น เจ็บแน่นหน้าอก เป็นต้น
การตรวจร่างกาย การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และการตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ หรือ Echocardiogram เพื่อประเมินความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ ปัจจุบันมีอุปกรณ์กระตุ้นการทำงานของหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ Automated External Defibrillator หรือเครื่อง เออีดี (AED) ซึ่งหลักการจะคล้ายกับเครื่องกระตุ้นหัวใจที่ใช้ในโรงพยาบาล เครื่องเออีดีมีขนาดเล็กสามารถติดตั้งและเคลื่อนย้ายได้ง่าย การใช้งานจะมีแผ่นนำไฟฟ้ามาแปะไว้ที่ทรวงอกของผู้ป่วย จากนั้นเครื่องจะวิเคราะห์ข้อมูลคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ตรวจพบแล้วจะบอกเลยว่าผู้ป่วยมีการเต้นของหัวใจที่ผิดจังหวะหรือไม่ โดยมีเสียงพูดออกมาด้วย และหากจำเป็นต้องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าก็สามารถทำได้ง่ายโดยกดปุ่มที่เครื่อง ทำให้บุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่แพทย์หรือพยาบาล แต่ผ่านการฝึกอบรมมาแล้วสามารถใช้เครื่องนี้ได้ ปัจจุบันในสนามบินนานาชาติทุกแห่ง รวมทั้งสนามกีฬานานาชาติชั้นนำ มักจะมีเครื่องนี้ติดตั้งไว้แล้ว
สิ่งสำคัญในการช่วยชีวิตระหว่างการแข่งขัน คือ การเตรียมความพร้อมทั้งทางด้านบุคลากร และเครื่องมือทางการแพทย์ที่อยู่ข้างสนามให้พร้อม เพื่อที่จะได้รีบเข้าไปช่วยเหลือนักกีฬาได้ทันท่วงที หน่วยงานสากลอย่าง FIFA ได้ให้ความสำคัญอย่างมากในการเตรียมความพร้อมเครื่องมือทางการแพทย์ที่อยู่ข้างสนามให้พร้อมระหว่างการแข่งขันฟุตบอล สำหรับในประเทศไทยที่การแข่งขันกีฬาอาชีพกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรให้ความสำคัญกับการกำหนดเกณฑ์ความพร้อมทางการแพทย์ในสนามแข่งขัน เพราะถึงแม้ปัญหาในลักษณะนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่หากเกิดขึ้นแล้วอาจหมายถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้
ทั้งนี้ การตรวจคัดกรองสุขภาพหัวใจของนักกีฬา การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรโดยมีการอบรมการช่วยชีวิตเป็นประจำและการเตรียมเครื่องมือทางการแพทย์ที่จำเป็น เช่น เครื่อง AED เพื่อกระตุ้นหัวใจของนักกีฬาได้อย่างทันท่วงที ถือเป็นสิ่งสำคัญและคุ้มค่าที่สุดในการป้องกันเหตุการณ์นักกีฬาเสียชีวิต Sudden cardiac death (SCD)