Name:  tah106.jpg
Views: 52
Size:  68.5 KB

เนื่องจากรถยนต์สมัยใหม่ส่วนใหญ่เป็นระบบหัวฉีด ซึ่งมีแอร์โฟร์เซนเซอร์คอยรายงานปริมาณอากาศส่งไปที่ ECU จากนั้น ECU ก็จะทำการสั่งงานควบคุมระบบการฉีดจ่ายน้ำมันและการเผาไหม้เชื้อเพลิงให้มีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่แล้ว (โดยจะทำการฉีดน้ำมันให้สัมพันธ์กับปริมาณอากาศในอัตราส่วนอากาศ 14.7 ส่วนต่อน้ำมันหนึ่งส่วน อากาศที่น้อยลง ECU ก็จะสั่งให้ส่งน้ำมันไปฉีดน้อยลง) แต่ถ้าเป็นรถยนต์รุ่นก่อนที่ใช้ระบบคาร์บูเรเตอร์ การเปลี่ยนกรองอากาศจะสามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้ ดังนั้นการเปลี่ยนกรองอากาศเป็นเรื่องที่ควรทำตามระยะการเปลี่ยนตามอายุการใช้งานอยู่แล้ว แต่การเปลี่ยนเพื่อจุดประสงค์ในการประหยัดน้ำมันนั้นไม่ถูกต้อง เพราะกรองอากาศที่สกปรกอาจจะส่งผลให้กำลังเครื่องยนต์ลดลงบ้าง แต่กรองอากาศที่ใหม่หรือสกปรกไม่มีผลต่อการประหยัดน้ำมัน ดังนั้นถ้าจะเปลี่ยนกรองอากาศ ควรจะเปลี่ยนกรองอากาศเพราะสกปรกและอุดตันจนอาจมีสิ่งสกปรกหลุดไปสู่ห้องเผาไหม้สร้างความเสียหายให้กับเครื่องยนต์ต่อไปได้

ขั้นตอนการเปลี่ยนกรองอากาศที่ถูกต้อง

1. ถอดฝาหม้อกรองอากาศออก จากนั้นค่อยๆยกกรองอากาศออกด้วยความระมัดระวัง อย่าให้กรองอากาศไปกระแทกโดนหม้อกรองหรือส่วนอื่นเพราะจะทำให้เศษสิ่งสกปรกหลุดลงไปได้ หลังจากนั้นให้เช็ดหม้อกรองอากาศท่อดูดอากาศและบริเวณรอยต่อด้วยผ้าชื้นๆหมาดๆ (รถยนต์บางรุ่นอาจจำเป็นต้องถอดแอร์โฟร์เซ็นเซอร์ จึงสามารถถอดฝาหม้อกรองอากาศได้)
2. กรองอากาศจากผู้ผลิต OEM จะพอดีใส่ได้กับหม้อกรองอากาศ ไม่มีแก็บช่องว่าง และไม่ต้องออกแรงในการใส่หรือดันอีกด้วย สำหรับการปิดฝาหม้อกรองอากาศก็ควรให้แน่ใจว่าขันน็อตแน่นหนาครบทุกตัว เพราะถ้ามีช่องว่างอาจจะทำให้เศษสิ่งสกปรกใช้เป็นทางลัดเข้าสู่เครื่องได้ (สำหรับ รถที่ต้องถอดแอร์โฟร์เซ็นเซอร์และสายไฟ อย่าลืมทำการใส่เซนเซอร์และสายไฟกลับเข้าที่)
3. เพื่อป้องกันการเปิดฝาหม้อกรองอากาศเพื่อเช็คบ่อยๆ การเขียนวันที่เปลี่ยนกรองอากาศพร้อมเลขไมล์ลงบนกระดาษติดหน้าหม้อกรองอากาศ ก็ช่วยป้องกันการเปิดหม้อกรองอากาศเพื่อตรวจเช็คบ่อยๆได้
4. เจ้าของรถส่วนใหญ่คงทำการเปลี่ยนกรองอากาศด้วยความระมัดระวังอยู่แล้ว แต่ปัญหาก็คือช่างที่ให้บริการตามอู่หรือศูนย์คงไม่ได้ใส่ใจหรือระมัดระวังขนาดนี้ การใช้กรองอากาศที่สกปรกไปเรื่อยๆยังดีกว่าการเปลี่ยนกรองอากาศที่ไม่ถูกวิธีแล้วมีเศษสิ่งสกปรกหลุดเข้าห้องเครื่องห้องเผาไหม้เสียอีก

- ควรเลือกใช้กรองอากาศแบบเดิมๆแบบที่ติดมากับรถนั่นแหละดีสุดแล้ว
- ขั้นตอนการเปลี่ยนกรองอากาศเป็นงานที่สำคัญและต้องเน้นเรื่องความสะอาด
- เศษสิ่งสกปรกเล็กๆจากกรองอากาศอันเก่าที่เปลี่ยนด้วยความไม่ระมัดระวังสามารถสร้างความสึกหรอให้กับเครื่องยนต์ได้
- การเปลี่ยนกรองอากาศด้วยตัวคุณเองเป็นเรื่องง่าย รวมถึงคุณยังสามารถควบคุมคุณภาพและความสะอาดของงานได้
- กรองอากาศปัจจุบัน ไม่ได้มีหน้าที่ในการดักจับเศษสิ่งสกปรกในอากาศที่เข้าสู่เครื่องยนต์แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังช่วยในการลดเสียงรบกวน และลดกระแสอากาศที่ปั่นป่วน จัดระเบียบกระแสอากาศก่อนเข้าเครื่องได้

ที่มา: https://topspeedtraining.wordpress.c...lter_changing/