ประโยชน์สุขจากการดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ร่างกายของคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 75% ของน้ำหนักตัว เราอาจจะอดอาหารได้เป็นเดือน ๆ แต่ร่างกายไม่สามารถขาดน้ำได้เกินกว่า 3 -7 วัน การดื่มน้ำอย่างถูกต้อง จะช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดี หัวใจทำงานปกติ และมีประสิทธิภาพแข็งแรงขึ้น ขณะเดียวกันการขับถ่ายของเสียก็ทำงานได้ดีอีกด้วยนะคะ และนี่คือ 6 วิธีดี ๆ ในการดื่มน้ำ เพื่อสุขภาพของคุณที่เรานำมาฝากกันค่ะ

ความต้องการน้ำจะต่างกันไปตามอายุ ขนาดของร่างกาย และกิจกรรมที่ทำ สภาพแวดล้อม และสภาวะของร่างกาย โดยเด็กต้องการน้ำมากกว่าผู้ใหญ่ และสภาวะบางอย่างทำให้ร่างกายต้องการน้ำเพิ่มขึ้น เช่น มีไข้ อาเจียน ปัสสาวะบ่อย ท้องเสีย มีเหงื่อออกมากกว่าปกติ ผู้หญิงต้องการน้ำวันละประมาณ 11 แก้ว และผู้ชายต้องการวันละประมาณ 15 แก้ว ซึ่งปริมาณดังกล่าวเป็นปริมาณน้ำที่ได้จากทั้งอาหารและเครื่องดื่ม โดยทั่วไปเราได้น้ำจากการบริโภคอาหารประมาณร้อยละ 20 ดังนั้นผู้หญิงควรดื่มน้ำวันละประมาณ 9 แก้ว และผู้ชายควรดื่มน้ำวันละประมาณ 12 แก้ว

ผู้ชายต้องการน้ำมากกว่าผู้หญิง โดยร่างกายผู้ชายมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึงประมาณร้อยละ 60 และประมาณร้อยละ 50 ในผู้หญิง ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากโดยโครงสร้างของร่างกาย ผู้หญิงมีเซลล์ไขมันมากกว่า ซึ่งเซลล์ไขมันจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่เพียงร้อยละ 10-15 เท่านั้น ในขณะที่เซลล์ของกล้ามเนื้อที่มีมากกว่า ในผู้ชายมีน้ำเป็นส่วนประกอบร้อยละ 70-75

13 ประโยชน์ของการดื่มน้ำที่เพียงพอและถูกหลัก คือ โลหิตเหลวไม่ข้น การไหลเวียนเป็นไปได้ง่าย สูบฉีดดี หัวใจไม่ทำงานหนัก ไม่เมื่อยล้า ไม่เหนื่อยง่าย หายใจโล่งเย็น นัยน์ตาสดใสไม่มีเส้นเลือดแดงกล่ำ ไม่แสบตา ไม่ร้อนใน ปากและลิ้นสะอาด ผิวพรรณชุ่มชื่น เต่งตึง เป็นสีชมพูของเลือดดี การขับถ่ายของเสียสะดวก ไม่ท้องผูก ปัสสาวะใส สะอาด ไม่ปวดหลังและบั้นเอว สุขภาพไตดี



การดื่มน้ำไม่เพียงพอทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย คือ โลหิตข้น การไหลเวียนของโลหิตลำบาก หัวใจต้องทำงานหนักในการสูบฉีด ทำให้เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เมื่อยล้า หัวใจเต้นไม่ปกติ บางครั้งหน้ามืด เพราะโลหิตสูบฉีดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ลมหายใจร้อน ไม่สดชื่น นัยน์ตาแห้งขาดน้ำหล่อเลี้ยง ใบหน้าร้อนผ่าว มักเกิดอาการร้อนในบ่อย ๆ เยื่อบุผนังภายในปากอักเสบ น้ำลายมีรสเปรี้ยว มีกลิ่นแรง เจ็บลิ้น ลิ้นเป็นฝ้าสีเหลืองหนา ริมฝีปากแห้งแตก ผิวหนังหยาบไม่ชุ่มชื่นสดใส การขับถ่ายของเสียไม่สะดวก เช่น ท้องผูก ถ่ายลำบาก ปัสสาวะติดขัด มีสีเหลืองเข้ม เป็นเหตุให้ไตพิการ ไตวาย เกิดนิ่งในกระเพาะปัสสาวะอุณหภูมิร่างกายสูง เหงื่อน้อย ตัวเหนียว มีกลิ่นตัวแรง

ป้องกันร่างกายช็อกด้วยน้ำ ในการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา ควรใส่ใจเรื่องการดื่มน้ำเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ควรดื่มน้ำ 400-600 มิลลิลิตร ก่อนออกกำลังกาย 2 ชั่วโมง ดื่มน้ำ 150-350 มิลลิลิตร ทุก 15-20 นาที ขณะออกกำลังกาย และควรดื่มน้ำตามเวลาที่กำหนด อย่ารอให้รู้สึกกระหายน้ำ

ไดเอ็ทด้วยน้ำ การศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า น้ำจะช่วยลดน้ำหนักได้เมื่อดื่มน้ำเปล่าแทนการดื่มเครื่องดื่ม ที่ให้พลังงานสูง การเลือกรับประทานอาหารที่มีน้ำเยอะจะช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากทำให้รู้สึก อิ่มนานขึ้น อาหารที่มีน้ำเยอะ จะมีปริมาณเยอะแต่ให้พลังงานต่ำ ซึ่งดีกว่าการเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ อาหารที่มีน้ำเยอะ เช่น ผัก ผลไม้ มีน้ำเป็นองค์ประกอบถึงร้อยละ 80-90 ปลา ไข่ มีน้ำอยู่ประมาณร้อยละ 70 รวมถึงซุปใส แกงจืด เกาเหลา และก๋วยเตี๋ยวน้ำ เป็นต้น



ดื่มน้ำ 10 แก้ว เพื่อสุขภาพ

น้ำสะอาดที่ไม่เจือปนอะไรคือน้ำดื่มที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพ ดังนั้นคุณจึงควรดื่มน้ำในอุณหภูมิห้อง หรืออุ่น ๆ เล็กน้อย เป็นประจำ การดื่มในตอนเช้าจะทำให้การขับถ่ายดีขึ้น ลำไส้สะอาดและการดื่มก่อนนอนจะชะล้างสิ่งตกค้างในลำไส้ และกระเพาะอาหาร นี่คือระยะเวลาสำหรับการดื่มน้ำในหนึ่งวัน ที่เรานำมาฝาก

ตื่นนอนตอนเช้า (เวลาประมาณ 6.00 – 8.00 น.) ดื่มน้ำ 1 แก้ว ( 400 ซี.ซี.)

ตอนสาย (เวลาประมาณ 9.00 – 10.00 น.) ดื่มน้ำ 2 แก้ว ( 800 ซี.ซี.)

ตอนบ่าย (เวลาประมาณ 13.00 – 14.00 น.) ดื่มน้ำ 3 แก้ว ( 1200 ซี.ซี.)

ตอนเย็น (เวลาประมาณ 19.00 – 20.00 น.) ดื่มน้ำ 3 แก้ว ( 1200 ซี.ซี.)

ก่อนเข้านอน (เวลาประมาณ 22.00 –24.00 น.) ดื่มน้ำ 1 แก้ว ( 400 ซี.ซี.)


ขอบคุณข้อมูลจาก http://health.kapook.com/view12099.html